นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างทบทวนเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทย(SET Index) ในปีนี้จนถึงกลางปีหน้า ซึ่งอาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันยังคงเป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้ไว้ที่ 1,650 จุด บนคาดการณ์ P/E ตลาด 14.5 เท่า อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ที่ 10.4% และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่ 3.5%
ทั้งนี้ บล.กสิกรไทย มองว่าตลาดหุ้นไทยยังเป็นช่วงขาขึ้น จากที่เริ่มเห็นแรงส่งเข้ามามากขึ้น ทั้งเรื่องของการเมืองที่ชัดเจนขึ้น ,การเปิดประมูลโครงการค้างท่อของภาครัฐ จำนวน 36 โครงการ มูลค่ารวมราว 9 แสนล้านบาท เช่น รถไฟฟ้า ,รถไฟรางคู่ เป็นต้น คาดว่าจะเห็นการทยอยประมูลโครงการอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า มูลค่ารวม 4.5 แสนล้านบาท
รวมถึงโครงการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ปัจจุบันก็อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาร่างกฎหมายที่มารองรับ คาดว่าจะเกิดการลงทุนในอีก 5 ปีข้างหน้ามูลค่าราว 1.5-1.6 ล้านล้านบาท โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับการสนับสนุน ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้า ,พลังงานสะอาด,ท่องเที่ยว,อาหาร และ Digital เป็นต้น
สำหรับหุ้นที่เริ่มเห็นแรงส่งเข้ามาบ้างแล้ว ได้แก่ หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และ จากปัญหาหนี้ครัวเรือนเริ่มปรับตัวลดลงจากภาระค่าใช้จ่ายรถยนต์คันแรกที่จะครบกำหนด 5 ปี แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีแรงซื้อรถยนต์คันที่สองบางส่วน ทำให้ยอดขายรถยนต์ฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่กลุ่มบ้านและคอนโดมิเนียม หรืออสังหาริมทรัพย์ก็มียอด Pre-Sale ในโครงการใหม่จำนวนมาก สะท้อนให้เห็นว่ายังมีดีมานต์ของผู้บริโภคในกลุ่มนี้พอสมควร
แนะหุ้นที่น่าจะมีโอกาสปรับขึ้นได้ต่อ โดยเฉพาะหุ้นที่ยังไม่ปรับตัวขึ้น ได้แก่ หุ้นที่จะได้รับประโยชน์โดยตรง เช่น STEC,CK,TICON, JWD,AOT และ BANK รวมถึงหุ้นที่น่จะได้รับประโยชน์ทางอ้อม เช่น SPALI ,HMPRO ,CPALL ,CPN ,CENTEL ,MINT ,BDMS ,BH เป็นต้น
นายกวี กล่าวว่า สำหรับเงินทุนเคลื่อนย้าย (Fund Flow) คาดว่าปีนี้ปริมาณน่าจะใกล้เคียงกับในอดีตที่เคยทำได้สูงถึง 3 แสนล้านบาท จากปัจจุบันที่มีเงินไหลเข้ามาแล้วจำนวน 1 แสนล้านบาท โดยมองว่าในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ จะเป็นช่วงของการเข้าซื้อของ LTF และ RMF นักลงทุนสถาบัน (กองทุน) รวมถึงนักลงทุนต่างชาติด้วย
"ความเสี่ยงในขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณ เนื่องจากตัวเลขการตั้งสำรองเงินระหว่างประเทศของจีนก็อยู่ในระดับสูง และจีนยังคงดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดอยู่ แม้ส่งออกของจีนปรับตัวลงเล็กน้อย ขณะที่ยุโรป เศรษฐกิจก็เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามเรายังมองตลาดเป็นขาขึ้นอยู่ โดยน่าจะทะลุ 1,650 จุด ไปได้"นายกวี กล่าว