นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะบวกได้ต่อ จาก Sentiment จากตลาดต่างประเทศ แต่อาจจะลดช่วงบวกลงในช่วงท้ายตลาดฯได้ เนื่องจากไม่มีปัจจัยขับเคลื่อนใหม่ โดยนักลงทุนยังรอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า ขณะที่เม็ดเงินที่ไหลเข้ามาก็ไม่มากหรือแรงไป และดัชนีฯก็เข้าใกล้ระดับเป้าหมาย 1,650 จุดด้วย ทำให้หุ้นที่มี Upside ต่ำก็มีโอกาสที่จะถูกขายทำกำไร ซึ่งก็จะไปรบกวนตลาดฯได้
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ยังตอบรับเรื่องพายุเฮอร์ริเคนเออร์มาที่อ่อนกำลังลง ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯกลับมาแข็งค่า และเงินหยวนอ่อนค่าอยู่ หลังจากที่ทางการจีนได้ลดการสำรองเงินหยวน ซึ่งเงินบาทก็อ่อนตาม Sentiment กระแสเงินในภูมิภาค โดยเงินบาทที่อ่อนค่าก็จะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นในกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,637-1,647 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 ก.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,118.86 จุด เพิ่มขึ้น 61.49 จุด (+0.28%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,454.28 จุด เพิ่มขึ้น 22.02 จุด (+0.34%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,496.48 จุด เพิ่มขึ้น 8.37 จุด (+0.34%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 97.07 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.77 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 12.03 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.07 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 13.99 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.85 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.48 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 47.96 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 ก.ย.60) 1,643.55 จุด เพิ่มขึ้น 6.01 จุด (+0.37%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 71.45 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 ก.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 ก.ย.60) ปิดที่ 48.23 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 ก.ย.60) ที่ 9.27 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.10 มองกรอบวันนี้ 33.05-33.15 ตลาดรอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯพรุ่งนี้
- ครม.เคาะภาษีสรรพสามิตใหม่ "สุรา-ยาสูบ" เน้นอิงตามหลักผลกระทบต่อสุขภาพ เหล้าคิดตามดีกรี ขณะบุหรี่เก็บสองเด้งจากทั้งราคาขายปลีก-ปริมาณ เผยฝั่งปริมาณเพิ่มมวนละ 1.50 บาท คลังแจงปรับเพื่อสร้างฐานภาษีใหม่ เตรียมประกาศอัตราโครงสร้างใหม่ 15 ก.ย.นี้
- คลังไม่สามารถบังคับให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดดอกเบี้ยนโยบายได้ แม้ภาคเอกชนก็เห็นด้วยว่าจะเป็นการช่วยลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการ ช่วยให้เงินบาทอ่อนค่าลง อีกทั้งดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ไม่สอดคล้องกับดอกเบี้ยในตลาด ทำให้ธนาคารพาณิชย์ไม่สนใจปล่อยกู้ให้ภาคธุรกิจแต่นำเงินไปฝากกับธปท.
- คลังจะเดินหน้าการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์) วงเงิน 1 แสนล้านบาทต่อไป แม้ว่าจะมีหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจไม่เห็นด้วยและคัดค้านมาตลอด โดยล่าสุดทางสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ก็ไปยื่นเรื่องฟ้องศาลปกครองให้ดำเนินการระงับเรื่องนี้
- ไทย-ญี่ปุ่นชื่นมื่นพร้อมร่วมมือขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 ไทยหวังญี่ปุ่นปักหมุดลงทุนสิ้นปีนี้และเป็นนักลงทุนหลักในอีอีซี "สมคิด"ลั่นไทยญี่ปุ่นหุ้นส่วนชีวิตวาง 4 แนวทางร่วมมือ ย้ำไทยศูนย์กลางภูมิภาคเชื่อม One Belt One Road จีบญี่ปุ่นร่วมพัฒนารถไฟเชื่อมตะวันออก-ตะวันตก(East West Corridor) "อุตตม"ยันมีกฎหมายรองรับนโยบายจะไม่เปลี่ยน ลงพื้นที่วันนี้ (13 ก.ย.) ควงญี่ปุ่นดูพื้นที่อีอีซี
*หุ้นเด่นวันนี้
- GFPT (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อเก็งกำไร" เป้า 22 บาท คาดกำไร 3Q60 สูงสุดของปี เติบโตทั้ง QoQ และ YoY จากการส่งออกไก่เติบโตเด่นจากทั้งปริมาณและราคาที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ราคาไก่ในประเทศอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 38-40 บาท/กิโลกรัม ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ คือ ข้าวโพด และ กากถั่วเหลือง ลดลง 6% YoY และ 17% YoY ในช่วง ก.ค.-ส.ค. และยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี
- CK (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 39 บาท แม้ CK ยังไม่สามารถชนะการประมูลโครงการรถไฟทางคู่ – ระยะที่ 1 ในช่วง 1 – 2 เดือนที่ผ่านมา แต่คาดไม่ส่งผลกระทบต่อ CK มากนัก เนื่องจากได้รับการชดเชยจากปริมาณงานใหม่ที่ได้รับ YTD มูลค่ารวมกว่า 48,000 ล้านบาท และทำให้ Backlog (ส.ค.60) ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า 86,000 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่า 3 ปีข้างหน้า ขณะที่ยังมีโครงการเตรียมเปิดประมูลต่อเนื่องนับจาก 2H/60 เป็นต้นไป ทั้งโครงการรถไฟทางคู่ – ระยะที่ 2 มูลค่ารวมเกือบ 400,000 ล้านบาท และส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า เช่น สีม่วง และสีส้ม เป็นต้น
- TMB (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 2.84 บาท ธีมการลงทุนยังเป็นภาวะ Laggard โดย 1 เดือนที่ผ่านมา SETBANK +6% แต่ TMB +2% ทั้งที่กำไรรายไตรมาสและ ROE ฟื้นตัวแล้วใน 2Q60 (จากที่ชะลอตั้งแต่ 2Q59) และคาดว่าจะเข้าสู่โหมดขาขึ้นตั้งแต่ 3Q60 คาด +3% Q-Q, +30% Y-Y อยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท ทั้งนี้ ราคาปัจจุบันซื้อขายบน P/BV เพียง 1.1 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 1.2 เท่า และถ้าอิงอดีตที่กำไรต่อหุ้นใกล้เคียง 2Q60 ราคา TMB เคยกระชากไกลถึง 3 บาท