นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ คาดว่าดัชนี SET จะปรับขึ้นในกรอบจำกัดบริเวณแนวต้าน 1,650 จุด หลังได้ปัจจัยบวกจากสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีที่ผ่อนคลายลงหลังเกาหลีเหนือไม่ยิงขีปนาวุธฉลองวันชาติที่ผ่านมา นอกจากนี้พายุเฮอร์ริเคนเออร์มาที่อ่อนกำลังลงทำให้ความเสียหายไม่รุนแรงอย่างที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามภาวะ Overbought ทางเทคนิคจะเป็นแรงกดดันต่อทิศทางดัชนี
ทั้งนี้ แนะนำกลยุทธ์ “ซื้อสะสม" หุ้น BANPU รับอานิสงส์จากราคาถ่านหินพุ่งขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบปี และคาดกำไรครึ่งหลังปี 60 จะเติบโตขึ้นจากครึ่งปีแรก รวมถึงกลุ่มเดินเรือ ได้ประโยชน์จากค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปี แนะนำ PSL และ TTA
ด้านนางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ ของ GBS กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเร่งสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนญี่ปุ่นในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พร้อมส่งเสริมการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย รวมถึงกระแส Fund Flow ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย. เป็น Net Buy ต่อเนื่องราว 3 พันล้านบาท ประกอบกับความกังวลกับพายุเฮอร์ริเคน “เออร์มา" ที่อ่อนกำลังลง และไม่ได้สร้างความเสียหายมากเท่ากับที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ และเกาหลีเหนือไม่ได้ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในงานเฉลิมฉลองวันชาติช่วงวันหยุดที่ผ่านมา
ส่วนปัจจัยที่มีผลกระทบด้านลบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะนี้มาจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) มีมติลงโทษเกาหลีเหนือรอบใหม่ แต่ผู้นำเกาหลีเหนือยืนยันเดินหน้าโครงการอาวุธร้ายแรงต่อไป อ้างเป็นการป้องกันภัยคุกคามจากสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ยังคงต้องจับตา เดือนก.ย. รัฐบาลจะนำเสนอร่างพ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในวันที่ 14 ก.ย. รวมถึงธนาคารกลางอังกฤษจะประชุมนโยบายการเงิน และในวันที่ 19-20 ก.ย. จะมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน ของ GBS กล่าวว่า พายุเฮอร์ริเคนเออร์มาไม่ได้สร้างความเสียหายให้แก่รัฐฟลอริดามากอย่างที่คาดการณ์ไว้แต่แรก จึงมีแนวโน้มที่สหรัฐฯจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็ว ขณะที่ยังไม่มีสัญญาณความรุนแรงจากคาบสมุทรเกาหลี ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลลง แม้ต้องรอดูปฏิกิริยาของเกาหลีเหนือที่เผชิญการคว่ำบาตรมากขึ้น
ทั้งนี้ จึงส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและเงินทุนไหลกลับเข้ามาเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง ทำให้ราคาทองคำในช่วงสัปดาห์นี้มีทิศทางอ่อนตัวลงสู่ระดับ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ จึงแนะนำให้นักลงทุนที่ขายทำกำไรไปแล้ว รอซื้อกลับที่ระดับดังกล่าว