นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอทีพี 30 (ATP30) กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) คงเหลือสัญญาที่จะรับรู้รายได้อีกกว่า 1,130 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงปี 65 ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าไปรับงานลูกค้ารายใหม่เพิ่มอีก 5 ราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปีนี้จำนวน 2-3 ราย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้
"เราอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าใหม่เพิ่มอีกหลายราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ และจะเริ่มให้บริการและรับรู้รายได้ช่วงไตรมาส 1/61 เป็นต้นไป แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของลูกค้าดังกล่าว จะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะเริ่มเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ปีนี้เติบโตตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 15%"นายปิยะ กล่าว
นายปิยะ กล่าวอีกว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งหลังปีนี้น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก จากการให้บริการรับส่งพนักงานให้กับลูกค้าที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทยังปรับโครงสร้างการบริหาร เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้น 25% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากระดับ 24% ในปีที่แล้ว ส่วนอัตรากำไรสุทธิ น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อน ที่อยู่ที่ 7.25% โดยคาดว่าค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรถ จะลดลงในครึ่งปีหลังนี้เนื่องจากเหลือรถรอปรับปรุงอยู่อีก 1-2 คันเท่านั้น
ขณะที่ล่าสุดบริษัทได้รับงานการให้บริการกับลูกค้ารายใหม่เพิ่มอีก จำนวน 2 ราย ได้แก่ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ซึ่งจะให้บริการด้วยรถมินิบัสปรับอากาศจำนวน 6 คัน เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. 61 และสิ้นสุดสัญญา วันที่ 15 ก.พ. 66 และบมจ.ไทยออยล์ (TOP) จะให้บริการด้วยรถบัสปรับอากาศจำนวน 8 คัน เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.61 และสิ้นสุดสัญญา วันที่ 31 ม.ค. 66 โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างจัดหารถใหม่ที่จะใช้สำหรับลูกค้าใหม่และอื่น ๆ อีกรวม 40 คัน คาดจะใช้เงินลงทุนตั้งแต่ปีนี้จนถึงปี 61 ราว 200 ล้านบาท
"เรายังมั่นใจรายได้ปีนี้น่าจะทำได้ตามเป้าไม่ต่ำกว่า 15% จากการให้บริการลูกค้าที่มีอยู่ ขณะที่บริษัทมีการปรับโครงสร้างการบริหาร เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้น 25% ในปีนี้"นายปิยะ กล่าว