นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะเผชิญแรงกดดันจากแรงขายทำกำไร อันเนื่องมาจากเงินดอลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น และตลาดบ้านเราก็ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาผลักดันให้ผ่าน 1,650 จุดไปได้ ทำให้ดัชนีฯมีโอกาสที่จะอ่อนตัวลงมาทดสอบแนวรับ 1,630 จุด
นอกจากนี้ ตลาดในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็ปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าบรรยากาศการเก็งกำไรจะเป็นบวกต่อตลาดฯ แต่ดัชนีฯมีโอกาสที่จะซึมลง
พร้อมให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันนี้ โดยดูว่าจะยังใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายหรือไม่ และให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่ประกาศในวันนี้ด้วยเช่นกัน เพราะจะถูกนำไปเชื่อมโยงกับการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า รวมทั้งให้ติดตามตัวเลขการส่งออกของหลายประเทศในภูมิภาคช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งรวมถึงไทยก็มีโอกาสที่จะขาดดุลการค้าด้วย
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 ก.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,158.18 จุด เพิ่มขึ้น 39.32 จุด (+0.18%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,460.19 จุด เพิ่มขึ้น 5.91 จุด (+0.09%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,498.37 จุด เพิ่มขึ้น 1.89 จุด (+0.08%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 5.45 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.68 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 105.24 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 1.11 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.36 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 1.20 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.07 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 19.36 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 ก.ย.60) 1,642.94 จุด ลดลง 0.61 จุด (-0.04%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 963.93 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 ก.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 ก.ย.60) ปิดที่ 49.30 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์ หรือ 2.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ก.ย.60) ที่ 9.27 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.14 อ่อนค่าจากวานนี้ นลท.จับตาผลประชุม BoE-ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ คืนนี้
- "สรรพสามิต" แย้ม โครงสร้างภาษี "สุรา-บุหรี่-ไวน์" ปรับขึ้น ยกแผงทั้งมูลค่าและปริมาณ 10-30% บุหรี่นำเข้าราคาพุ่งเกือบ 200 บาทต่อซอง ขณะเหล้าขาวคาดปรับขึ้นเล็กน้อย อธิบดีสรรพสามิตยอมรับปรับขึ้นภาษีบุหรี่ แต่ไม่สูงถึงซองละ 30 บาท ผอ.โรงงานยาสูบชี้กระทบ 2 เด้งทั้งภาษีสรรพสามิต และ ภาษีมหาดไทย เตรียมปรับขึ้นราคาขาย
- "ฟิทช์" คงอันดับเครดิตประเทศไทย BBB+ ระบุเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้น แต่ระยะปานกลางยังเผชิญความท้าทายจากสัดส่วนหนี้ครัวเรือนที่อยู่ระดับสูง ทั้งโครงสร้างประชากรเริ่มเข้าสู่วัยชรามากขึ้น มองแนวโน้มเศรษฐกิจโตต่ำ ไร้ปัจจัยหนุนปรับเรทติ้งเพิ่ม
- รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยระหว่างนำนายฮิโรชิเกะ เซโกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม (เมติ) ประเทศญี่ปุ่น และนักลงทุนชาวญี่ปุ่นประมาณ 500 ราย ลงพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา และท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง เขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ว่า หลังจากการมีข้อตกลงทางเศรษฐกิจร่วมกันระหว่างทั้งสองประเทศ จะทำให้การลงทุนในอีอีซีขยายตัวมากขึ้น โดยคาดว่าในปี 2561 จะมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 1 แสนล้านบาท
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยขณะนี้ธนาคารพาณิชย์เริ่มมีปัญหารายได้จากค่าธรรมเนียม (ค่าฟี) ที่ลดลงเรื่อย ๆ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ทำธุรกิจได้ยากลำบากขึ้น ทั้งจากการขายประกันกับกองทุน การขายประกันผ่านระบบธนาคาร (แบงก์อินชัวร์รันส์) ที่ตลาดเริ่มอิ่มตัว ประกอบกับภาครัฐปรับเกณฑ์การขายใหม่ และให้ผลตอบแทนที่ลดลงตามทิศทางดอกเบี้ย จึงทำให้ผู้บริโภคหันไปลงทุนด้านอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ที่สำคัญภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย โดยเฉพาะการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต การขอสินเชื่อต่าง ๆ ที่ลดลง ประกอบกับในยุคเทคโนโลยีดิจิตอลมีบริการใหม่ ๆ ทั้งพร้อมเพย์ กระเป๋าเงินมือถือที่มีค่าธรรมเนียมน้อยมากจากสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร และมีการลด แลก แจก แถม ก็ทำให้รายได้จากค่าธรรมเนียมลดลง
*หุ้นเด่นวันนี้
- PRM (บมจ.พริมา มารีน) เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สังกัดกลุ่มบริการ หมวดขนส่งและโลจิสติกส์ โดยราคาขาย IPO 8.00 บาท/หุ้น บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมตามวิธี DCF ได้เท่ากับ 11.50 บาท คาดกำไรสุทธิปี 2560-2563 โตเฉลี่ย 24% ต่อปี จากการขยายกองเรือจัดเก็บน้ำมันอีก 3 เท่าตัวซึ่งมีรายได้มั่นคงและอัตรากำไรสูง
โดย PRM ถือเป็นผู้นำในธุรกิจขนส่งและจัดเก็บน้ำมันที่มีกลุ่มลูกค้ามั่นคง เช่น PTT TOP PTTGC BCP ESSO ขณะที่ ภาวะอุตสาหกรรมขยายตัวตามปริมาณการใช้น้ำมันในประเทศที่เพิ่มเฉลี่ย 5% ต่อปี
- HANA (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 48 บาท แม้เงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่อง แต่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ยังแข็งแกร่งกว่าที่คาด จึงคาดผลกำไรของ HANA จะเติบโตได้ 15% ในปี 2561F จากฐานที่สูงในปี 2560F และจากการที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมากว่า 20% จากจุดสูงสุดที่ 55 บาท แต่อัตราตอบแทนเงินปันผลน่าสนใจที่ 5% ในปี 2561F
- CBG (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 80 บาท ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว แต่ราคาหุ้นยังปรับขึ้นไม่มากมองเป็นโอกาสดีในการเข้าซื้อ ประสบผลสำเร็จจากการเปิดตลาดจีน ซึ่งจะเป็นลู่ทางที่ CBG จะเติบโตก้าวกระโดดในอนาคต โดยปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายแล้ว 308 ราย มีจุดขายรวมกว่า 190,000 จุด ครอบคลุมพื้นที่กว่า 30 จังหวัดในประเทศจีน
- LH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 11.50 บาท ราคาหุ้นที่ปรับลงมาหลังจากขึ้น XD (23 ส.ค.) ทำให้ราคาปัจจุบัน laggard ที่สุดในกลุ่มทั้งในรอบ 1 เดือน แนวโน้มกำไรยังเติบโตดีจาก Backlog ที่แกร่ง 1.47 หมื่นล้านบาท โอนปีนี้ 8 พันล้านบาท ที่เหลือโอนปี 2561-2562 สำหรับ 3Q60 จะมีกำไรพิเศษจากการประเมินมูลค่าเงินลงทุนใน LHBANK ขณะที่กำไรหลักก็ดีขึ้นตามยอดโอน ส่วนกำไรสุทธิปี 2560 ที่คาดโตถึง 11% Y-Y เพราะรายการพิเศษซึ่งทำให้กำไรปี 2561 ลดลง 7% Y-Y เป็น 8.9 พันล้านบาท แต่ก็เป็นระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ ปัจจุบัน PE ที่ 12 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 14-15 เท่า