โบรกเกอร์เชียร์"ซื้อ"หุ้นบมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ผู้บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชียหลังคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดของปีนี้ไปแล้ว แม้คาดว่าไตรมาส 3/60 อาจยังไม่โดดเด่น แต่มองเป็นจังหวะเข้าซื้อสะสม โดยคาดกำไรสุทธิจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีตั้งแต่ไตรมาส 4/60 และต่อเนื่องปี 61 ผลงานจะกลับมาขยายตัวจากคาดการณ์ผู้โดยสารเติบโต 13% เป็น 22.05 ล้านคน ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้าจะเห็นนักท่องเที่ยวจีนโตดีขึ้นจากครึ่งแรกปี 60 ที่ติดลบอยู่ 3.8% จากผลกระทบปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ
ขณะเดียวกัน AAV เตรียมรับเครื่องบินเพิ่มอีก 6 ลำ จะทำให้มีจำนวนเครื่องบินทั้งหมดเป็น 63 ลำ โดยช่วงครึ่งหลังของปีนี้ AAV จะเปิดเส้นทางบินใหม่เพิ่มเติม ส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคเอเชียใต้ ได้แก่ อินเดีย และมัลดีฟส์ โดยคาดว่าจะมีฐานลูกค้าเอเชียใต้เพิ่มขึ้นเป็น 3-5% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า จากปีก่อน 1% ช่วยกระจายความเสี่ยงจากปัจจุบันที่อิงกับจำนวนผู้โดยสารชาวจีนค่อนข้างมากราว 20% ของจำนวนผู้โดยสารรวม ขณะที่เส้นทางบินจีนเริ่มมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น
หุ้น AAV พักเที่ยงไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 6.20 บาท ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 0.46%
เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 7.40 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 7.05 ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ซื้อ 7.05 เอสแอลแอล เก็งกำไร 6.59 เคจีไอ (ประเทศไทย) ซื้อ 6.89 นายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ได้ปรับคำแนะนำสำหรับหุ้น AAV จาก "ทยอยซื้อ" เป็น "ซื้อ" หลังคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานของ AAV ได้ผ่านจุดต่ำสุดของปีนี้ไปแล้ว และแม้คาดว่าไตรมาส 3/60 อาจยังไม่เด่น แต่มองเป็นจังหวะในการเข้าซื้อสะสม โดยคาดกำไรสุทธิจะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่นต่อเนื่องในไตรมาส 4/60 และปี 61 จากคาดการณ์ผู้โดยสารจะเติบโต 13% เป็น 22.05 ล้านคน ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกจะเห็นนักท่องเที่ยวจีนโตดีขึ้น จากครึ่งปีแรกปี 60 ที่ติดลบ 3.8% จากผลกระทบคุมทัวร์ศูนย์เหรียญ ขณะเดียวกัน AAV ยังเตรียมรับเครื่องบินเพิ่มอีก 6 ลำ จะทำให้มีจำนวนเครื่องบินทั้งหมดเป็น 63 ลำ โดยจะเน้นการเปิดเส้นทางบินใหม่ใน CLMV และ อินเดีย รวมถึงการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินในเส้นทางที่ยังมีความต้องการมาก ทั้งนี้ ในปี 61 คาดว่าการท่องเที่ยวภายในประเทศจะไม่มีผลกระทบเหมือนในไตรมาส 4/59 และไตรมาส 4/60 โดยรายได้เฉลี่ยต่อตั๋วจะเพิ่มขึ้น 2% เป็น 1,581 บาท และรายได้เสริมต่อคนจะเพิ่มขึ้น 3% เป็น 355 บาท ส่งผลให้รายได้รวมกลับมาเติบโต 11.8% ที่ 4.28 หมื่นล้านบาท ด้านราคาน้ำมันมองว่าจะไม่ปรับตัวขึ้นมากเหมือนปี 60 ทำให้การบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น รวมถึงการควบคุมต้นทุนด้านอื่น จึงคาดกำไรในปี 61 จะเติบโต 15.6% มาที่ 2.12 พันล้านบาท ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ปรับคำแนะนำจาก"ถือ"เป็น"ซื้อ"หุ้น AAV หลังทิศทางกำไรสุทธิในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะกลับมาดีขึ้น จากผลบวกของจำนวนผู้โดยสารจีนที่กลับมาฟื้นตัว โดยในช่วงต้นเดือน ต.ค.ยังได้รับผลบวกจากช่วงวันหยุดยาววันชาติจีนหรือ Golden Week ที่ปัจจุบันมียอด Advance Booking แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ประเมินกำไรสุทธิปี 60 จะลดลงจาก 16% จากปีก่อน หลังกำไรสุทธิในครึ่งปีแรกลดลงค่อนข้างมาก แต่คาดกำไรสุทธิปี 61 จะกลับมาเติบโต 20% นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง AAV มีการเปิดเส้นทางบินใหม่เพิ่ม โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในภูมิภาคเอเชียใต้ ได้แก่ อินเดีย ที่คาดว่าจะเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในอนาคต และมัลดีฟส์ที่คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี โดยคาดว่า AAV จะมีฐานลูกค้าเอเชียใต้เพิ่มขึ้นเป็น 3-5% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า จากปีก่อนที่ 1% ซึ่งมองว่าจะเป็นข้อดีที่จะช่วยกระจายความเสี่ยงจากปัจจุบันที่สายการบินไทยแอร์เอเชียอิงกับจำนวนผู้โดยสารชาวจีนค่อนข้างมากราว 20% ของจำนวนผู้โดยสารรวม ขณะที่ปัจจุบันเส้นทางบินจีนเริ่มมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น บทวิเคราะห์บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า อัตราผลตอบแทน (Yield) ของ AAV ในช่วงไตรมาส 4/60 จะกลับมาฟื้นตัวได้จากภาวะนักท่องเที่ยวที่ดีขึ้นในปัจจุบัน เพราะเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวและฐานปีที่แล้วต่ำผิดปกติ หลังจากที่ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา AAV ทำกำไรได้น้อยกว่าคาดจาก Yield ได้รับผลกระทบจากการลดธุรกิจการเช่าเหมาลำ (charter) ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องจำกัดทัวร์ศูนย์เหรียญของนักท่องเที่ยวจีน อีกทั้งต้นทุน (unit cost) เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนค่าเชื้อเพลิง (Jet Fuel) และค่าใช้จ่ายบุคลากร