นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซิก้า อินโนเวชั่น (ZIGA) ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเหล็กโครงสร้างประเภท Pre-zinc ภายใต้แบรนด์ “ZIGA" และท่อเหล็กร้อยสายไฟ ภายใต้แบรนด์ “DAIWA" คาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปีนี้ยังมีแนวโน้มสดใส โดยเฉพาะยอดขายของท่อเหล็กที่ยังมีแนวโน้มเติบโตที่สูงขึ้นจากครึ่งปีแรก ตามความต้องการใช้ในตลาดที่สูงขึ้น จากการทยอยลงทุนของโครงการภาครัฐ ทั้งงานโครงสร้างพื้นฐาน โครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นต้น
โดยในช่วงไตรมาส 3/60 เริ่มเห็นยอดออร์เดอร์ที่ลูกค้าสั่งซื้อทยอยเข้ามาเป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่การส่งมอบจะกระจุกตัวในช่วงไตรมาส 4/60 ทำให้ยอดขายในช่วงไตรมาส 4/60 จะมากขึ้น ประกอบกับในช่วงครึ่งปีหลังได้มีการส่งมอบสินค้าที่เลื่อนมาจากครึ่งปีแรก และการออกสินค้าใหม่ ทำให้ยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตมาก และผลักดันรายได้ทั้งปีนี้จะมากกว่า 1 พันล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงไตรมาส 4/60 ซึ่งมีคุณสมบัติที่สามารถทนการกัดกร่อนได้สูง โดยมีคุณสมบัติที่ทนต่อการกัดกร่อนจากน้ำทะเลได้เป็นอย่างดีในชื่อ Super ZIGA เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าในเขตพื้นที่ภาคใต้ และ 23 จังหวัดติดชายทะเล ซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่นี้สามารถนำไปทดแทนการใช้งานเหล็กโครงสร้างที่ทำจากสแตนเลสได้ในราคาที่ถูกกว่า โดยมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะช่วยผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นกลับมาสูงขึ้นกว่าครึ่งปีแรกที่ทำได้เพียง 20% เนื่องจากการเลื่อนส่งมอบสินค้าของลูกค้า และอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นก็จะหนุนให้ทั้งปีนี้กลับมาทำได้ในระดับปกติที่มากกว่า 30%
นอกจากนี้บริษัทยังมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) จากผลิตภัณฑ์ท่อเหล็ก DAIWA มูลค่า 200 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ราว 100 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์ท่อเหล็ก ZIGA มี Backlog มูลค่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ทั้งหมดในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยออเดอร์ของท่อเหล็ก ZIGA ใช้ระยะเวลาในการส่งมอบที่สั้นเพียง 45 วัน ทำให้มีรายได้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนผลักดันอัตราการเติบโตของท่อเหล็ก DAIWA ให้เติบโตได้สูงถึง 100% จากการที่มีพันธมิตรที่มีความต้องการใช้ท่อเหล็ก DAIWA ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า โดยปัจจุบันสัดส่วนยอดขายท่อเหล็ก DAIWA คิดเป็น 5% ของยอดขายทั้งหมด
"หลังจากที่บริษัทได้รับเงินสดจากการระดมทุนโดยการขายหุ้น IPO ทำให้ขณะนี้ ZIGA มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้ให้คุ้มค่าที่สุด โดยกำหนดนำเงินจำนวน 350 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินและก่อสร้างโรงงาน รวมถึงจัดซื้อเครื่องจักรเพื่อขยายกำลังการผลิต เบื้องต้นคาดว่าในปี 61 จะขยายกำลังการผลิตได้ประมาณ 30% ของกำลังการผลิต ณ 31 มีนาคม 60 ซึ่งจะผลักดันให้ผลประกอบการของบริษัทขยายตัวตามไปด้วย" นายศุภกิจ กล่าว
นายศุภกิจ กล่าวว่า แผนการลงทุนโรงงานแห่งใหม่ของบริษัทนั้น ล่าสุดได้ปรับเพิ่มขนาดพื้นที่ที่จะก่อสร้างโรงงานใหม่เป็น 26 ไร่ จากเดิมที่ 15-20 ไร่ เพราะบริษัทจะก่อสร้างคลังสินค้าในพื้นที่เดียวของโรงงานด้วย โดยคาดว่าการเจรจาซื้อที่ดินจะมีข้อสรุปในช่วงสัปดาห์หน้า และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 4/60 มูลค่าลงทุนทั้งหมดรวมค่าที่ดิน ค่าก่อสร้าง และค่าเครื่องจักร อยู่ที่ 350 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินจากการนำเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) สัดส่วน 50% และเงินกู้ยืมสถาบันการเงินอีก 50%
หลังจากที่โรงงานแห่งใหม่เริ่มทยอยเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 61 เป็นต้นไป จะมีกำลังการผลิตท่อเหล็กเพิ่มขึ้นเป็น 79,000 ตัน/ปี จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยุ่ที่ 65,000 ตัน/ปี และจะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 120,000 ตัน/ปี และ 160,000 ตัน/ปี ในปี 62 และปี 63 ตามลำดับ
“ในช่วงสามปีที่ผ่านมาปริมาณการผลิตท่อเหล็กของ ZIGA เติบโตเฉลี่ย 45% ต่อปี โดยในปี 60 บริษัทมีกำลังการผลิตรวมที่ประมาณ 65,000 ตัน นอกจากการเติบโตตามการลงทุนของภาครัฐและเอกชนแล้ว สินค้าของบริษัท ยังสามารถแชร์ส่วนแบ่งการตลาดจากท่อเหล็กดำเพิ่มขึ้นได้ ด้วยคุณสมบัติพิเศษในเรื่องของการประหยัดเวลาและต้นทุนในการนำไปใช้งาน ประกอบกับ ZIGA เป็นแบรนด์ ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า ดังนั้นจึงทำให้มั่นใจว่า "ซิก้า อินโนเวชั่น" มีศักยภาพการเติบโตได้อีกมากในอนาคต"นายศุภกิจ กล่าว