ศาลล้มละลายกลาง รับคำร้องของ บมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) ไว้พิจารณาหลังจากนัดไต่สวนและมีการนำคดีเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยแล้ว โดยเจ้าหนี้ทั้ง 7 รายที่ยื่นคัดค้านในช่วงเช้ายินยอมถอนคำคัดค้านในที่สุด ซึ่งศาลฯ ได้นัดฟังคำสั่งในวันที่ 21 ก.ย.60 เวลา 9.00 น.
อย่างไรก็ตาม ผู้คัดค้านทั้ง 7 แถลงร่วมกันว่าในเบื้องต้นหากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ EARTH ในฐานะลูกหนี้ฟื้นฟูกิจการ ผู้คัดค้านทั้ง 7 ขอสงวนสิทธิในการโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ต่างประเทศและเจ้าหนี้ในประเทศบางรายที่มียอดหนี้จากการผิดสัญญารวมประมาณ 36,000 ล้านบาท
ขณะที่นางสาวชุติมา ปัญจโภคากิจ ผู้รับมอบอำนาจช่วงของบริษัท อีวาย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด ที่ลูกหนี้และเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินเห็นชอบให้เป็นผู้ทำแผน แถลงว่า หากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้และมีการโฆษณาคำสั่งดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษาแล้ว บริษัทรับรองว่าจะรีบดำเนินการจัดทำแผนให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน
ทั้งนี้ กรรมการผู้ร้องและทนายผู้ร้องแถลงร่วมกันว่า หากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ลูกหนี้ฟื้นฟูกิจการ ลูกหนี้พร้อมที่จะให้ บริษัท อีวาย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด เป็นผู้ทำแผนและเป็นผู้บริหารแผนของลูกหนี้ต่อไป นอกจากนี้ ลูกหนี้ยังขอรับรองต่อเจ้าหนี้ทั้งหลาย รวมทั้งผู้คัดค้านทั้ง 7 ว่า ในการจัดทำแผนนั้นลูกหนี้มีความประสงค์ที่จะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนั้ทั้งหลายเต็มจำนวน 100%
อนึ่ง ผู้คัดค้านทั้ง 7 ราย ประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) และกองทุนเปิดโซลาริสตราสารหนี้พริวิเลจ 18 เอ็ม 3 รวมถึงเจ้าหนี้บุคคลจำนวน 2 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในกระบวนการเจรจาไกล่เกลี่ย ฝ่ายผู้คัดค้านทั้ง 7 รายยังมีข้อข้องใจในหนี้จากการผิดสัญญา มูลค่ารวม 36,000 ล้านบาทที่เพิ่มเข้ามาในภายหลัง จึงตกลงกันว่าจะร่วมกับ EARTH ในการโต้แย้งหนี้ดังกล่าวต่อไปเพื่อลดมูลหนี้ลง
ด้านนายขจรพงศ์ คำดี ประธานกรรมการบริหาร EARTH กล่าวว่า บริษัทยืนยันกับเจ้าหนี้ทุกรายว่าหากเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ บริษัทจะดำเนินการชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ทุกรายให้ครบ 100% พร้อมกันนี้ยังเชื่อมั่นว่าจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินในการดำเนินธุรกิจจากเจ้าหนี้ต่อไป
"เรามีเจตนาที่จะคืนหนี้ให้ครบ 100% อยู่แล้ว ซึ่งเราก็จะมีการเจรจากับเจ้าหนี้ในการขอโอกาสเพื่อให้เราสามารถเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้"นายขจรพงศ์ กล่าว