นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้ปัจจัยบวกจากสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีที่ผ่อนคลายหลังสหรัฐต้องการแก้ปัญหาด้วยวิธีทางการทูต รวมถึงราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเหนือ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงไหลเข้า อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดเข้าเขตซื้อมากเกินไป (Overbought) ทางเทคนิคจะเป็นแรงกดดันต่อทิศทางดัชนี
ดังนั้น ประเมินว่า SET จะปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัดบริเวณแนวต้าน 1,680-1,690 จุด โดยแนะนำกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี รับอานิสงส์ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น และคาดการณ์กำไรไตรมาส 3/60 เติบโต รวมถึง PSL และ TTA ที่ได้รับอานิสงส์จากดัชนีค่าระวางเรือปรับขึ้นทำระดับสูงสุดรอบ 2 ปี
ด้านนางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ ของ GBS กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยหนุนจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. ... หรือร่างพ.ร.บ. EEC ขณะที่ปัญหาความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีเริ่มผ่อนคลายลง หลังสหรัฐต้องการแก้ปัญหาบนคาบสมุทรเกาหลีด้วยวิธีทางการทูต บวกกับกระแส Fund Flow ตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.ที่เข้ามาซื้อสุทธิราว 1.3 หมื่นล้านบาท
ส่วนปัจจัยที่มีผลลบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะนี้ มาจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา และราคาน้ำมันที่ปรับลงจากความกังวลต่อผลผลิตน้ำมันของสหรัฐ หรือ shale oil ที่เพิ่มขึ้น
โดยยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 21 ก.ย. กำหนดประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คาดว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามเดิม และวันที่ 22 ก.ย. ทางกลุ่มอียู-สหรัฐ เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ย.รวมถึงในวันที่ 24 ก.ย. เลือกตั้งเยอรมนี โดยโพลล์คาดพรรค CDU ของนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลซึ่งเป็นพรรครัฐบาลจะชนะการเลือกตั้ง
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน ของ GBS กล่าวว่า นักลงทุนรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนวันพุธ โดยคาดการณ์ว่าจะมีการประกาศเริ่มต้นปรับลดงบดุลและแผนต่อเนื่อง นอกจากนี้ ผลสำรวจความคิดเห็นของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) และประธานเฟดสาขาต่าง ๆ เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะเป็นจุดสำคัญที่ตลาดให้ความสนใจ เนื่องจากหากมีแนวโน้มที่เฟด จะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ตามที่ตลาดให้ความเชื่อมั่น คาดว่ เงินทุนจะไหลเข้าถือเงินสกุลดอลลาร์มากขึ้น และมีโอกาสจะกดให้ราคาทองคำหลุดระดับ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ได้
ส่วนการเลือกตั้งของเยอรมนีในวันอาทิตย์นี้ ผลสำรวจค่อนข้างชัดเจนว่าพรรครัฐบาลเดิมจะได้รับชัยชนะ แม้ว่าการร่วมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากจะทำได้ยากขึ้นเพราะจำนวนเสียงจะลดลง แต่จะไม่มีแรงกระเพื่อมทางลบไปถึงแนวทางหลักของยูโรโซนและสหภาพยุโรป จึงคาดว่าจะไม่มีผลต่อราคาทองคำ ยกเว้นผลการเลือกตั้งออกมาพลิกโผด้วยการเปลี่ยนพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม สำหรับมุมมองทางเทคนิค ราคาทองคำปรับตัวลดลงมาก แต่ยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้นตราบใดที่ยังยืนอยู่เหนือ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งนักลงทุนที่ขายทำกำไรไปแล้ว สามารถแบ่งส่วนซื้อกลับที่ระดับดังกล่าวได้ แต่หากไม่สามารถยืนเหนือ 1,300 ดอลลาร์/ออนซื ควร stop loss และอาจเข้า trading short สั้น ๆ แทน