บมจ.ปตท. (PTT) และกองทัพเรือ ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงาน และการบริการน้ำมันเชื้อเพลิงและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องบริเวณสนามบินอู่ตะเภา เพื่อสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Special Eastern Economic Corridor) : เมืองการบินภาคตะวันออก (Eastern Aviation) ให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม ตามนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0
พลเรือเอก ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า จากมติคณะรัฐมนตรีที่ต้องการพัฒนาพื้นที่จังหวัดระยอง ให้เป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษภายใต้โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) โดยกำหนดให้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งอยู่ในความดูแลของกองทัพเรือ เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญในด้านคมนาคมเชื่อมต่อทั้งทางบก และทางอากาศ รวมถึงสามารถต่อยอดไปเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ ดังนั้น การพัฒนาศักยภาพพื้นที่สนามบินอู่ตะเภา จะช่วยยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ ส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพิ่มการจ้างงาน ยกระดับคุณภาพชีวิตและรายได้ของประชาชน ซึ่งจะช่วยให้ยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาลบรรลุตามเจตนารมณ์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ด้านนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวว่า การพัฒนาพื้นที่อู่ตะเภา จำเป็นต้องอาศัยพลังงานเป็นองค์ประกอบหลัก เพื่อผลักดันให้ยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ประสบความสำเร็จได้ ซึ่ง ปตท. ในฐานะรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงพลังงานที่มีพันธกิจด้านการรักษาความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ รวมถึงเป็นผู้เชี่ยวชาญการดำเนินธุรกิจด้านพลังงานมาเกือบ 40 ปี มีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่นี้
โดยจะร่วมมือศึกษาและพัฒนาทั้งในส่วนของธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจก๊าซ และธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อพัฒนาให้อู่ตะเภาเป็น hub การบินของอาเซียน สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยในการเป็นศูนย์การบินระดับสากล