TMBAM คาด AUM แตะ 5 แสนลบ.เร็วกว่าเป้าในปี 63 ขานรับ 2 กองทุน TMBPIPF-TMBGINCOME หนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 20, 2017 15:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย (TMBAM) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) แตะระดับ 5 แสนล้านบาทได้เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะทำได้ในปี 63 จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.9 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตของกองทุนเปิดทหารไทย พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม พลัส (TMBPIPF) และกองทุนเปิดทหารไทย Global lncome (TMBGINCOME) เป็นต้น ซึ่งสามารถตอบโจทย์นักลงทุนไทยได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ กองทุนเปิดทหารไทย พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม พลัส (TMBPIPF) เปิดขายมานานกว่า 3 ปี เน้นการลงทุนในกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยให้ผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 5-6% และบริษัทได้จ่ายเงินปันผลไปแล้วราว 11 ครั้ง ใน 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ย 5% ต่อปี ขณะเดียวกันระดับราคาก็ผันผวน แต่ในภาพรวมช่วง 2-3 ปีที่ผ่านทา ก็มีผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 3% ต่อปี ทำให้นักลงทุนได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปี เหมาะสำหรับลูกค้าที่รับความผัวผวนได้พอสมควร โดยกองทุนเปิดทหารไทย Global lncome (TMBGINCOME) เป็นกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ เน้นลงทุนในกองทุนต่างประเทศ กองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund ในหน่วยลงทุนชนิด Class I เพียงกองเดียว ซึ่งจดทะเบียนในประเทศไอร์แลนด์ (Ireland) กองทุนหลักเน้นลงทุนในตราสารหนี้ประเภทต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วโลกอย่างน้อย 2 ใน 3 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยสามารถจ่ายปันผลได้อย่างสม่ำเสมอทุกเดือนนับจากการจัดตั้งกองทุน

สำหรับกองทุนเปิดทหารไทย Global Income ที่ผ่านมาสามารถสร้างผลตอบแทนรวมนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ระดับ 7.36% ขณะที่ดัชนีชี้วัดอยู่ที่ -3.22% ในสกุลเงินบาท และสามารถคงความผัวผวนกองทุนไว้ให้อยู่ในระดับต่ำที่ 1.67% ขณะที่ตัวชี้วัดมีความผันผวนสูงกว่าคือ 4.88% โดยกองทุนนี้มึการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลพินิจผู้จัดการกองทุน และกองทุนสามารถทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติได้อย่างสม่ำเสมอ (ไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี) เป็นทางเลือก

ขณะที่วันนี้ ธนาคารทหารไทย (TMB) ได้ร่วมกับ TMBAM จัดสัมมนา “The World Class Seminar 2017: Global Outlook and Income Strategy" โดยเชิญกูรูระดับโลกจาก PIMCO ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ โดย PIMCO มองเศรษฐกิจในภาพรวมว่า สภาพเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปนั้น จะไปพร้อมกันกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ

สำหรับเงินของ PIMCO ที่จะนำไปลงทุนส่วนหนึ่งจะเลือกลงทุนใน Mortgage-Backed Securities (MBS) โดยมีข้อดีคือ มีความยืดหยุ่น ขณะที่ผลตอบแทนจากการลงทุนจะขึ้นอยู่กับราคาบ้านและที่ดิน โดย PIMCO คาดการณ์ระดับราคาบ้านและที่ดินใน 2 ปีข้างหน้าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4-8% และ MBS น่าจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 4% ได้ในอนาคต และหากราคาบ้านและที่ดินไม่ได้เป็นไปตามคาดการณ์ข้างต้น ก็ยังมองผลตอบแทนน่าจะยังทำได้ในระดับ 2%

อย่างไรก็ตาม PIMCO มีสัดส่วนการลงทุนใน MBS ปัจจุบันอยู่ที่ 20% ของพอร์ต และใน Asset-Backed Securities (ABS) อยู่ที่ 7% ของพอร์ต

นายเดเนียล ไอวาสซิน หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนและกรรมการผู้จัดการ PIMCO กล่าวว่า การเติบโตของเศรษฐกิจโลก (GDP) ในปี 61 จะอยู่ที่ 3% แบ่งเป็น กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วเติบโต 1.8% ,กลุ่มประเทศเกิดใหม่จะเติบโตอยู่ที่ 5.5%

ขณะที่มองการหมดวาระของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนก.พ.61 น่าจะมีความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากจะทำให้ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงว่างลง 4 ตำแหน่ง ทำให้ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าสหรัฐจะมีการดำเนินนโยบายการเงินต่อไปแบบใด อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเฟดมีโอกาสที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค.นี้ อีกทั้งความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี เชื่อว่าสหรัฐฯ จะไม่ใช้วิธีทางการทหารเพื่อเข้าแก้ไขปัญหา แต่จะใช้วิธีเจรจาเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ