บลจ.ไทยพาณิชย์ จ่ายปันผล 3 กองทุนตปท.พร้อมชูตลาดหุ้นอินเดียโดดเด่นหนุนจากศก.ในประเทศเติบโต

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 21, 2017 15:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า บริษัทเตรียมจ่ายปันผลกองทุนต่างประเทศพร้อมกันจำนวน 3 กองทุน ในวันที่ 22 กันยายน 2560 นี้ สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มีนาคม-31 สิงหาคม 2560 ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นอินเดีย (SCBINDIA) จ่ายปันผลในอัตรา 0.0974 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 3 โดยมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 25.31% ต่อปี, 6 เดือนอยู่ที่ 9.59% ต่อปี และ 1 ปี อยู่ที่ 16.74 %ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 14 ก.ย.2560)

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ (SCBEMBOND) จ่ายปันผลในอัตรา 0.1575 บาทต่อหน่วย นับเป็นการจ่ายปันผลครั้งที่ 3 โดยมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 5.06% ต่อปี 6 เดือนอยู่ที่ 3.17% ต่อปี และ 1 ปี อยู่ที่ 4.77% ต่อปี(ข้อมูล ณ วันที่ 14 ก.ย.2560)

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นโกลบอลเฮลธ์แคร์ (SCBGHC) สำหรับงวดผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กันยายน 2559 -31 สิงหาคม 2560 โดยจ่ายปันผลในอัตรา 0.2057 บาทต่อหน่วย ซึ่งได้มีการจ่ายระหว่างกาลแล้วเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2560 จำนวน 0.0444 บาทต่อหน่วย เหลือจ่ายงวดนี้ 0.1613 บาทต่อหน่วย นับเป็นการจ่ายปันผลครั้งที่ 2 โดยมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 20.67 %ต่อปี 6 เดือนอยู่ที่ 9.13% ต่อปี และ 1 ปีอยู่ที่ 9.70% ต่อปี

นายสมิทธ์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นอินเดียเป็นตลาดหนึ่งในตลาดเกิดใหม่ที่มีผลตอบแทนที่โดดเด่นในปีนี้ นอกจากจะเป็นการปรับขึ้นตามตลาดหุ้นภูมิภาค (regional) อันเนื่องมาจากกระแสเงินทุนไหลเข้าแล้ว ประเทศอินเดียยังมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยฤดูมรสุมที่คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำฝนจะอยู่ในระดับปกติ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนรายได้ภาคการเกษตร รวมทั้งสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศ ทั้งนี้ ยังคาดการณ์ว่านโยบายปฏิรูปภาษี (GST) จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งช่วยสนับสนุนการขยายตัวเศรษฐกิจในระยะกลางถึงยาว

ส่วนภาพรวมหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์มีอัตราผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี สอดคล้องกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ส่วนหนึ่งเนื่องจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ประกอบกับนักลงทุนคาดการณ์ว่าการปฏิรูปร่างกฎหมายประกันสุขภาพจะส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ไม่มากนัก นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มเฮลธ์แคร์ที่ออกมาแข็งแกร่งอีกด้วย อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์อาจได้รับผลกระทบทางลบจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นหากธนาคารกลางสหรัฐ มีการลดขนาดสินทรัพย์ในงบดุลรวมทั้งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ขณะที่ตลาดพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ในช่วงต้นปี 60 ที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยังไม่สามารถผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ได้ ประกอบกับธนาคารกลางสหรัฐ ส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังไม่ถึงเป้าหมาย จึงส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าและมีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ อย่างไรก็ตาม ตลาดพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญจากการลดขนาดสินทรัพย์ในงบดุลของธนาคารสหรัฐฯ ซึ่งอาจก่อให้เกิดกระแสเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ และส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ปรับตัวลงได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ