นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมั บมจ.ปตท. (PTT ) คาดว่าจะสามารถคัดเลือกพันธมิตรร่วมทุนธุรกิจโรงแรมราคาประหยัด (Budget Hotel) ในสถานีบริการน้ำมัน 1 รายได้ภายในเดือน พ.ย.นี้ และจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในเดือน ธ.ค. ขณะที่ล่าสุดคัดเลือกเจ้าของ chain โรงแรมได้แล้ว 3 ราย จากที่เสนอมา 5-7 ราย โดยคาดว่าจะเปิดบริการโรงแรมต้นแบบ 4-5 แห่งได้ภายในปี 61
“ตอนนี้มีความคืบหน้าเราเลือ short list ได้ 3 ราย น่าจะ final ได้ใน 1-2 เดือน เพื่อคัดเลือกเหลือเพียงรายเดียว โรงแรมที่จะเข้ามาเสริมในปั๊ม เพื่อให้ความสะดวกแก่คนเดินทาง เงินลงทุนไม่สูง เราจะทดลองก่อน 4-5 แห่งแรก ก่อนจะขยายไปให้ดีลเลอร์ของเราที่สนใจลงทุนต่อไป"นายอรรถพล กล่าว
สำหรับขนาดของโรงแรมภายในสถานีบริการน้ำมันจะมีขนาดไม่เกิน 80 ห้อง/แห่ง พื้นที่ 2-3 ไร่ โดยการคัดเลือกจะพิจารณาในหลายมิติ ทั้งเรื่องความน่าเชื่อถือ และรูปแบบในการนำเสนอ ซึ่งการลงทุนโรงแรมในสถานีบริการน้ำมันจะมีหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับการเจรจากับพันธมิตร โดยมีเป้าหมายจะมีโรงแรมภายในสถานีบริการน้ำมัน 50 แห่งภายใน 5 ปี
ส่วนความคืบหน้าในการโอนสินทรัพย์ของ ปตท.ให้กับบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (PTTOR) ขณะนี้กระทรวงพลังงานและปตท.อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดร่วมกันก่อนจัดทำรายงานเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) หลังจากนั้นเชื่อว่าจะมีความชัดเจนเรื่องการนำ PTTOR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯต่อไป
อนึ่ง วันนี้ ปตท.และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมลงนามความร่วมมือ"ปตท.-ธ.ก.ส. รวมพลัง ร่วมใจช่วยเกษตรกร" สร้างพันธมิตรทางธุรกิจและช่วยเหลือเกษตรลูกค้าของธ.ก.ส. โดยปตท.จะสนับสนุนการจัดพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้าและผลผลิตทางการเกษตรของธ.ก.ส. เพื่อวางจำหน่ายในพื้นที่ของสถานีบริการน้ำมันปตท.
นายอรรถพล กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวนับเป็นการต่อยอดโครงการระบายข้าวชาวนาที่เริ่มตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งปตท.ได้เปิดสถานีบริการน้ำมันกว่า 400 แห่งในการช่วยระบายขาว ขณะที่โครงการนี้ก็จะเป็นการเปิดจุดจำหน่ายให้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ
นอกจากนี้ ยังจะให้มีการเปิดสาขาและสำนักงานตัวแทนของธ.ก.ส. และการวางเครื่องให้บริการด้านการเงินและการธนาคารอัตโนมัติ (Self Service) ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทุกภาคส่วน รวมถึงยังจัดทำโครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมร่วมกัน เช่น การให้ความรู้แก่เกษตรในการใช้น้ำมันหล่อลื่นสำหรับเครื่องจักรกลทางการเกษตร
หลังจากนี้ ปตท.และธ.ก.ส. จะตั้งทีมงานเพื่อร่วมสำรวจพื้นที่ที่เหมาะสมในการจัดจำหน่ายสินค้าเกษตร โดยคาดว่าจะเปิดจุดจำหน่ายดังกล่าวได้ภายในปีนี้ และโครงการดังกล่าวจะเป็นโครงการต่อเนื่องเพื่อรองรับนโยบายการเป็น Community Center
ด้านนายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า ธ.ก.ส.จะคัดเลือกเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะมีเกษตรกรเข้าร่วมจำนวนมาก โดยจะเน้นเรื่องการทำท่องเที่ยวชุมชน ที่มีอยู่ 370 ชุมชน ซึ่งจะมีทั้งการนำสินค้าที่เป็นจุดเด่นของแต่ละชุมชนมานำเสนอในพื้นที่สถานีบริการน้ำมัน ขณะที่กลุ่มสินค้าจะแบ่งเป็น 2 แบบ คือ สินค้าต้นน้ำ และสินค้าแปรรูป
นอกจากนี้ธ.ก.ส.จะพัฒนาช่องทางในการชำระค่าสินเค้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ซื้อและผู้ขาย ผ่านแอพพลิเคชั่น ธ.ก.ส. A-Mobile และระบบ QR Code ของตนเอง