นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หรือ แอล เอช ฟันด์ เตรียมเปิดตัวกองทุนเปิด แอล เอช ท็อปพิค หรือ LH Top Pick Fund (LHTOPPICK) ที่เด่นทั้งหุ้นและผลตอบแทน โดยกองทุนนี้จะเหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของการลงทุนโดยคาดหวังผลตอบแทนที่สูงในระยะยาว LHTOPPICK จะเสนอขายหน่วยลงทุนเป็นครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.-4 ต.ค.60 เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ที่ต้องการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยผ่านการลงทุนในกองทุนรวม
กองทุนเปิด LHTOPPICK นั้นมีนโยบายลงทุนในตราสารทุนในประเทศไทย โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยมีจุดเด่นที่จะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือกไม่เกิน 10 หลักทรัพย์ ซึ่งมีเกณฑ์การคัดเลือก ประกอบด้วย 1.เป็นตราสารทุนที่มีปัจจัยพื้นฐานดีหรือมีแนวโน้มการเติบโตสูงในอนาคตและ/หรือ 2.พิจารณาจากผลประกอบการของบริษัทในปัจจุบันและ/หรือ 3.แนวโน้มผลประกอบการในอนาคต โดยจะพิจารณาจากรายได้ที่อาจปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือผลประกอบการหรือผลกำไรที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการกองทุนอาจพิจารณาปรับหลักทรัพย์ที่ลงทุน และ/หรือจำนวนหลักทรัพย์ที่ลงทุนมากกว่า 10 หลักทรัพย์ เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและ/หรือประกาศที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด รวมถึงอาจลงทุนหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุนโดยจะพิจารณาจากสภาวะตลาดในช่วงนั้นๆ และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
“เราเชื่อว่า LHTOPPICK จะเป็นกองทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ เนื่องจากเรามีผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญการลงทุนทำหน้าที่พิจารณาเลือกหุ้นรายตัวที่มีพื้นฐานดีและแนวโน้มเติบโตสูง เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่อยากลงทุนในตลาดหุ้นไทยผ่านกองทุนรวม" นายมนรัฐ กล่าว
ทั้งนี้ แอล เอช ฟันด์ มองว่า ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจที่จะเข้าลงทุน หลังจากดัชนีปรับตัวขึ้นทะลุ 1,650 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 23 ปี โดยมีปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย เนื่องจากเชื่อมั่นในภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลังของปีนี้ เนื่องจากรัฐบาลได้ดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม การพัฒนาโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ตลอดจนเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ รวมถึงยังได้รับผลดีจากภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดีขึ้นในปีนี้
แอล เอช ฟันด์ ประเมินแนวโน้มดัชนีในช่วงสิ้นปี 61 มีโอกาสปรับขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 1,800 จุด แม้มีความกังวลจากปัจจัยลบ เช่น เหตุการณ์ในเกาหลีเหนือ การก่อการร้ายในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยมีความแข็งแกร่ง
ประกอบกับในปี 61-63 จะมีเม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปีนี้ยังคงเติบโตได้ดีจากปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงรัฐบาลได้เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ชาวต่างชาติเพื่อกระตุ้นการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย