บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) ลดเป้าหมายยอดขายปีนี้เหลือ 1.6 หมื่นล้านบาท จากเดิม 2 หมื่นล้านบาท หลังปรับลดการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้เพราะการซื้อที่ดินมีความล่าช้า โดยเตรียมเปิดขาย 3 โครงการคอนโดมิเนียมในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งรวมถึงโครงการ"ลุมพินี พาร์ค พหล 32" มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาทในวันที่ 30 ก.ย.นี้ด้วย อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะบริษัทจะปรับลดเป้าหมายยอดขาย แต่ยังมั่นใจรายได้ปีนี้จะทำได้ตามเป้าที่ 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือแล้ว 8 พันล้านบาท ถึง 1 หมื่นล้านบาทแล้ว
นางสาวเสาวณี อังกูรพิพัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารการขาย ของ LPN กล่าวว่า บริษัทปรับลดการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้เหลือ 10 โครงการ มูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่วางแผนเปิดทั้งหมด 12 โครงการ มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท เพราะการซื้อที่ดินที่เกิดความล่าช้า โดยขณะนี้บริษัททำยอดขายได้แล้ว 1 หมื่นล้านบาท และยังเหลือโครงการคอนโดมิเนียมที่เหลืออีก 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5 พันล้านบาทที่จะเปิดในช่วงที่เหลือของปี ได้แก่
โครงการลุมพินี พาร์ค พหล 32 มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการส่วนต่อขยาย (Expand Project) จะเปิดตัวในวันที่ 30 ก.ย. ต่อยอดความสำเร็จจากโครงการแรกในย่านนี้ คือ ลุมพินี เพลส รัชโยธิน ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่วัยทำงานในทำเลกลางเมืองที่สะดวกสบายด้วยระบบขนส่งมวลชนสาธารณะซึ่งในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวห่างจากหน้าโครงการเพียง 300 เมตร ซึ่งขณะนี้มีกลุ่มลูกค้าให้ความสนใจจองซื้อผ่านจากการลงทะเบียนจองล่วงหน้า (Wating List) แล้วกว่า 200 ราย ซึ่งเป็นฐานกลุ่มลูกค้าเดิมจากโครงการเดอะ ซีเล็คเต็ด เกษตร-งามวงศ์วาน บาย แอล.พี.เอ็น.
“ลุมพินี พาร์ค พหล 32" เป็นโครงการใหม่ที่บริษัทนำแบรนด์ “พาร์ค" มาพัฒนาภายใต้แนวคิด “Back to Nature" เสมือนยกสวนไว้กลางกรุงอันร่มรื่นด้วยสีเขียว มีจำนวนห้องชุด 546 ยูนิต ซึ่งตอบโจทย์ความเป็นส่วนตัวแก่ผู้พักอาศัยเป็นอย่างมาก บนเนื้อที่โครงการ 4 ไร่เศษ จำนวน 1 อาคาร สูง 30 ชั้น ราคาขายเริ่มต้น 3 ล้านบาท และเฉลี่ยราคาขายต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ละ 135,000 บาท หรือ เริ่มต้น 3 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่จองซื้อวันงานเปิดตัว วันที่ 30 ก.ย.รับส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท สำหรับขนาด 2 ห้องนอน และส่วนลด 100,000 บาท สำหรับห้อง Studio และ 1 ห้องนอน โครงการประกอบด้วยรูปแบบห้องชุด 24.00 - 46.50 ตร.ม. สร้างเสร็จประมาณ ปี 62
นอกจากนี้จะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมอีก 2 แห่งในเดือนพ.ย. ได้แก่ โครงการลุมพินี เพลส พระราม 3-ถนนวงแหวนอุตสาหกรรม มูลค่า 1.6 พันล้านบาท และโครงการลุมพินี เพลส รัชดาสาธุประดิษฐ์ มูลค่า 1.6 พันล้านบาท
นางสาวเสาวณี กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไนช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังเติบโตในทิศทางที่ดีอยู่ โดยเฉพาะทำเลแนวรถไฟฟ้าสายใหม่ ๆ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งจะเห็นได้จากการเปิดโครงการของผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดที่มีเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ เพราะยังมีความต้องการซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์มีความคึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดระดับกลาง-บน ยังมีกำลังซื้อที่ดีอยู่ และไม่มีแรงกดดันในเรื่องของการอนุมัติสินเชื่อ ขณะที่ตลาดระดับล่างยังคงมีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อในระดับที่สูง สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทในปีนี้ที่จะหันมาเน้นการเปิดโครงการระดับกลาง-บนมากขึ้น โดยเน้นการพัฒนาโครงการระดับราคาเฉลี่ย 100,000 บาท/ตร.ม. และเป็นทำเลที่ขยับเข้ามาในเมืองมากขึ้น
ด้านรายได้ในปีนี้บริษัทยังมั่นใจว่าทำได้ตามเป้าหมายทื่ตั้งไว้ 1 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 4.52 พันล้านบาท ซึ่งจะมีการทยอยโอน Backlog ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้เข้ามาส่วนหนึ่ง จาก Backlog ทั้งหมด 8 พันล้านบาท ถึง 1 หมื่นล้านบาท ประกอบกับยังได้ทยอยขายโครงการที่อยู่ในสต็อกเข้ามามาเสริม ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสต็อกทั้งหมดอยู่ที่ 8 พันล้านบาท ขณะที่อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยของบริษัทปัจจุบันอยู่ที่ 10-20% ทรงตัวจากปีก่อนและครึ่งปีแรกที่ผ่านมา