หุ้น SKN ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 9.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.40 บาท (+32.65%) จากราคาขาย IPO ที่ 7.35 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 3,180.82 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 9.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 10.40 บาท และราคาปรับตัวทำระดับต่ำสุดที่ 9.50 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2561 ของ บมจ.ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (SKN) ที่ 9.40 บาท ด้วยวิธี Relative Approach อิง PER ที่ 16.1 เท่า เหนือคู่แข่งในอุตสาหกรรมที่ 13.5 เท่า ให้ Premium 20% ซึ่งถูก Justified ด้วย 1) การเติบโตของ EPS สูงเฉลี่ยถึง 81% ต่อปี CAGR ในช่วง 2 ปีข้างหน้า 2) ประสิทธิภาพการทำกำไรและ Cash Cycle ที่เหนือกว่า 3)ในแง่ของ PER และ PEG ปี 2562 อยู่ที่เพียง 8.8 เท่าและ 0.11 เท่าตามลำดับ ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิปี 2560 ชะลอตัวลงเล็กน้อย 4.3% ที่ 251 ล้านบาท จากราคาขายที่ลดลงและปิดซ่อมบำรุงเครื่องจักรครั้งใหญ่ แต่มองบวกต่อกำไรสุทธิปี 2561-2562 ที่คาดจะเติบโตก้าวกระโดด 85.8% และ 76.7% มาอยู่ที่ 467 และ 825 ล้านบาท ตามลำดับ หลัก ๆ ถูกขับเคลื่อนจาก 1) รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 2,158 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.1% จากงวดปีก่อน จากการเพิ่มกำลังการผลิตแผ่นไม้ MDF เป็น 5 แสนลบ.ม./ปี (+108%) จากปัจจุบันที่มีอยู่ 2.4 แสนลบ.ม./ปี ที่คาดจะแล้วเสร็จในช่วงกลาง ไตรมาส 3/61 และเติบโตต่อเนื่อง 63.6% เป็น 3,531 ล้านบาท ในปี 2562 จากการรับรู้รายได้จากกำลังการผลิตใหม่เต็มปี
2) คาดอัตรากำไรขั้นต้นปรับสูงขึ้นเป็น 36.1-36.8% จากต้นทุนกาวเคมีที่จะลดลงจากการติดตั้งเครื่องฉีดกาวใหม่และต้นทุนคงที่ต่อหน่วยที่ลดลงจากการขยายกำลังการผลิต อีกทั้งการลดสัดส่วนการขายผ่านนายหน้าลง 3) ค่าใช้จ่ายทางการเงินที่ลดลงจากการนำเงินเพิ่มทุนไปชำระคืนเงินกู้
SKN ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายแผ่นไฟเบอร์บอร์ดความหนาแน่นปานกลาง MDF (Medium Density Fiber Board) ซึ่งเป็นแผ่นไม้ทดแทนไม้ธรรมชาติจากไม้ยางพารา โดยผู้ถือหุ้นของ SKN มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมแปรรูปไม้มายาวนานกว่า 30 ปีตั้งแต่ธุรกิจโรงเลื่อยไม้จนถึงการผลิตเฟอร์นิเจอร์ในจังหวัดระยอง ปัจจุบันเป็นผู้เล่นอันดับ 6 ของประเทศด้วยกำลังการผลิตแผ่นไม้ MDF ขนาด 240,000 ลบ.ม./ปี คิดเป็นประมาณ 8% ของกำลังการผลิตรวมทั้งประเทศ เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของ EPS ในปี 2561-62 สูงถึง 81% ต่อปีจากการขยายกำลังการผลิตเท่าตัวเป็น 500,000 ลบ.ม./ปี โดยมีอุปสงค์ที่แข็งแกร่งรองรับ