WPH ชูวิชั่นเป็นเครือรพ.ใหญ่สุดในภาคใต้ วางเป้ารายได้พุ่งแตะ 1 พันลบ.ใน 3 ปีหลังเปิด"รพ.อ่าวนาง"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 26, 2017 13:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง (WPH) โชว์วิชั่นวางเป้าหมายระยะยาวก้าวสู่การเป็นเครือโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ หลังจากระดมทุนด้วยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) สร้างโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ในจ.กระบี่ พร้อมขยายโรงพยาบาลหลักใน จ.ตรัง เสริมความแข็งแกร่ง เชื่อดันรายได้แตะ 1 พันล้านบาทภายใน 3 ปีหลังเปิดทำการครบตามแผนงาน

นายเชน เหล่าสุนทร รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลฝ่ายการเงิน WPH กล่าวว่า บริษัทเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่เก่าแก่ในจ.ตรัง ที่มีชื่อเสียงมากว่า 60 ปีและมาตรฐานการรักษาในระดับสูงเทียบเท่าโรงพยาบาลชั้นนำในกรุงเทพฯ ซึ่งให้การรักษาพยาบาลกับประชาชนในจังหวัดตรัง รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงทั้งกระบี่ พัทลุง และสตูล และมีเครือข่ายพันธมิตรเป็นคลินิคในพื้นที่เป็นจำนวนมาก จึงหวังว่าในอนาคตจะเป็นเครือโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้

บริษัทมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจโรงพยาบาล อาทิ การสร้างโรงพยาบาลใหม่ และ/หรือลงทุนเข้าซื้อหรือควบรวมกิจการโรงพยาบาลอื่นที่อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในเขตจังหวัดภาคใต้ เพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายพื้นที่การให้บริการทางการแพทย์ที่ทันสมัยและครบวงจร

"เรามองจังหวัดที่อยู่เหนือกระบี่-ตรังขึ้นไป เป็นจังหวัดใหญ่ที่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เพราะเราค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ"นายเชน กล่าว

ปัจจุบัน บริษัทมีแผนการลงทุน 2 โครงการ คือการสร้างโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ อ่าวนาง บนพื้นที่ 9 ไร่ เป็นอาคารขนาด 4 ชั้น พื้นที่ 8,000 ตารางเมตร เบื้องต้นมีจำนวนเตียง 59 คาดว่าจะใช้งบประมาณ 450 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 2/60 และเปิดดำเนินการในครึ่งหลังของปี 61 พื้นที่ทั้งหมดมีศักยภาพที่จะขยายได้ถึง 120 เตียง

พร้อมกันนั้น บริษัทจะขยายโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง โดยสร้างอาคารใหม่และปรับปรุงอาคารเดิม คาดว่าจะใช้เงินทุนราว 450 ล้านบาท เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการจาก 120 เตียง เป็น 212 เตียง และเพิ่มคลินิกเฉพาะทางต่าง ๆ โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการส่วนขยายได้ในไตรมาส 3/63

นายเชน กล่าวว่า เดิมบริษัทมี"คลินิกเวชกรรมอินเตอร์เนชั่นแนล"ในอ่าวนาง ซึ่งได้รับความไว้ใจจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ที่ต้องการคุณภาพการรักษาที่มีมาตรฐานสูง แต่ไม่สามารถรับผู้ป่วยในได้ จึงตัดสินใจลงทุนสร้างเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีแพทย์เฉพาะทางครบทุกสาขา

บริษัทคาดว่าการเปิดโรงพยาบาลอ่าวนางน่าจะทำให้สัดส่วนลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 40% จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 16% จากนั้นภายใน 3-5 ปีสัดส่วนจะเพิ่มขึ้นเป็น 70-80% และคาดว่าโรงพยาบาลดังกล่าวจะสามารถคืนทุนภายใน 1 ปี เนื่องจากการให้บริการกับลูกค้าต่างชาติให้อัตรากำไรสูงกว่าลูกค้าคนไทย พร้อมกันนั้นยังเชื่อว่าหลังจากเปิดให้บริการ 3 ปีจะทำให้รายได้ของบริษัทพุ่งแตะระดับ 1 พันล้านบาท จากปี 59 ที่มีรายได้ 542 ล้านบาท

ประกอบกับการขยายโรงพยาบาลหลักใน จ.ตรัง ก็จะเป็นอีกส่วนที่เข้ามาเสริมรายได้จากจำนวนเตียงที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มสาขาให้บริการ โดยมีเป้าหมายจะเปิดให้โรงพยาบาลที่ความชำนาญเฉพาะทางในด้านศัลยกรรมความงามและบำรุงผิวพรรณเข้ามาเช่าใช้พื้นที่บางส่วนของอาคารใหม่เพื่อเปิดให้บริการ ซึ่งจะมีการแบ่งให้ทรัพยากรของโรงพยาบาลร่วมกัน และแบ่งส่วนแบ่งรายได้กัน พร้อมทั้งจะพัฒนาส่วนของพื้นที่เชิงพาณิชย์เพื่อเปิดร้านค้า ร้านกาแฟ และร้านอาหาร ที่จะให้บริการกับผู้ที่ไม่ใช่ผู้ป่วยด้วย

นายเชน กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทจะเห็นการเติบโตอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 62 เป็นต้นไปหลังจากรับรู้โรงพยาบาลอ่าวนางเต็มที่ทั้งปี แต่ผลประกอบการปีนี้อาจจะเติบโตไม่ได้เต็มที่ตามปกติที่รายได้เคยเติบโตราวปีละ 12% เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม ทำให้กำลังซื้อหดหายไปมาก และสัดส่วนรายได้หลักในขณะนี้ยังมาจากลูกค้าคนไทย โดยในช่วงครึ่งปีแรกรายได้เติบโตเพียง 3% แต่เชื่อว่าในครึ่งปีหลังซึ่งเข้าสู่ไฮซีซั่นของธุรกิจโรงพยาบาลรายได้น่าจะฟื้นตัวดีขึ้นมาก

ทั้งนี้ WPH เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 3.90 บาท และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดธุรกิจการแพทย์ ในวันที่ 3 ต.ค.60 นี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ