หุ้น SKN ปิดเทรดที่ 9.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.15 บาท (+29.25%) จากราคาขาย IPO ที่ 7.35 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 4,201.98 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 9.50 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 10.40 บาท และราคาทำระดับต่ำสุดที่ 9.50 บาท
บล.เออีซี ซึ่งเป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบมจ.ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (SKN) ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินราคาเป้าหมายหุ้น SKN ไว้ที่ 9.20 บาท/หุ้น เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาดแผ่นไม้ MDF ที่เน้นส่งออกไปทั่วโลกโดยปี 60 คาดมีกำไรสุทธิโต 13.8% จากปีก่อน และจะโตเด่น 68.8% ในปี 61
บริษัทนำเงินจากการระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 130 ล้านหุ้นราคา 7.35 บาท (พาร์ 0.50 บาท) ไปใช้สร้างไลน์ผลิตใหม่ เพื่อรองรับดีมานด์ไม้ MDF ที่เพิ่มต่อเนื่อง ซึ่งจะหนุนศักยภาพทำกำไรดีขึ้นจากผลของการประหยัดต่อขนาดที่ตามมา
นายวิชัย แสงวงศ์กิจ กรรมการผู้จัดการ SKN กล่าวว่า ราคาหุ้นที่เทรดวันนี้ยืนเหนือราคาจองสะท้อนความเชื่อมั่นจากนักลงทุนที่มีต่อบริษัทในฐานะผู้ผลิตและส่งออกแผ่นไม้เอ็มดีเอฟชั้นนำของประเทศไทย และแผนการดำเนินงานในอนาคต โดยบริษัท เตรียมนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ตามแผนงาน โดยนำไปชำระคืนเงินกู้ระยะยาว ขยายกำลังการผลิตรองรับคำสั่งซื้อลูกค้าที่เข้ามาจนล้น ทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้เพียงพอ รวมทั้ง เตรียมพร้อมขยายตลาดและฐานลูกค้าทั่วโลก ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิต 240,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี และหลังขยายกำลังการผลิตจะสนับสนุนให้บริษัทฯ มีกำลังการการผลิตเพิ่มเป็น 500,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี เดินหน้านำเสนอสินค้าคุณภาพ ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง และคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ หวังตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าสูงสุด ด้วยจุดมุ่งหมายการเป็นผู้นำการผลิตแผ่นไม้ทดแทนธรรมชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และคาดว่าสายการผลิตใหม่จะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในช่วงกลางไตรมาส 3/61
นายทวีชัย ตั้งธนทรัพย์ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ทิสโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SKN กล่าวว่า นักลงทุนให้ความเชื่อมั่นต่อธุรกิจของ SKN ซึ่งมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมถึงมีศักยภาพการเติบโตในอนาคต เล็งเห็นแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมแผ่นไม้ทดแทนไม้ธรรมชาติประเภทแผ่นไม้เอ็มดีเอฟ ที่มีความต้องการในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น หรืออัตราการเติบโตเฉลี่ย 11% สูงกว่าการเติบโตแผ่นไม้ทดแทนไม้ธรรมชาติประเภทอื่น
ประกอบกับ ความเชี่ยวชาญของผู้บริหารเป็นจุดแข็งสำคัญ ทำให้เข้าใจตลาด เข้าใจสินค้า และลูกค้า การบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาลที่ดี สิ่งเหล่านี้ ตอกย้ำความเชื่อมั่น และแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
“เหตุผลสำคัญที่สนับสนุนให้ราคาหุ้น SKN ได้รับการตอบรับที่ดี และยืนเหนือราคาจองได้ในวันนี้ มาจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ประกอบกับแนวโน้มธุรกิจ ที่อยู่ในเทรนด์การเติบโตของอุตสาหกรรม การเข้าจดทะเบียนในตลท. จะเป็นแหล่งระดมทุนที่มีศักยภาพ และสนับสนุนธุรกิจแผ่นไม้เอ็มดีเอฟของบริษัทฯ เติบโตยิ่งขึ้นกว่าเดิมได้” นายทวีชัย กล่าว