นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) (AP) คาดว่ายอดขายรวมในสิ้นปีนี้จะทำได้สูงถึง 3.1-3.2 หมื่นล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้บริษัททำยอดขายรวมได้แล้ว 2.73 หมื่นล้านบาท เนื่องจากโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดในช่วงครึ่งปีหลัง 2 โครงการทำยอดขายได้มากกว่าคาด
ทั้งนี้ ยอดขายของคอนโดมิเนียมจนถึงปัจจุบันทำได้แล้ว 1.63 หมื่นล้านบาท เติบโต 98% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.24 หมื่นล้านบาท เนื่องจากการเปิดโครงการใหม่ไนช่วงครึ่งปืหลังทำยอดขายได้ดี ทั้งโครงการ LIFE Ladprao มูลค่า 7.6 พันล้านบาท ขายได้แล้ว 85% และโครงการ LIFE One Wireless มูลค่า 7.5 พันล้านบาท ขายได้แล้ว 80% ซึ่งทั้ง 2 โครงการประสบความสำเร็จอย่างมาก จึงคาดว่ายอดขายเฉพาะคอนโดมิเนียมในสิ้นปีนี้จะทำได้ราว 2 หมื่นล้านบาท
สำหรับในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทเตรียมเปิดขายโครงการ LIFE Asoke-Rama 9 มูลค่า 9 พันล้านบาท โดยจะเปิดขายครั้งแรกทางช่องทางออนไลน์ AP-iBooking ผ่านเว็บไซต์ apthai.com ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.และจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 11-12 พ.ย.นี้ โดยบริษัทได้ตั้งเป้าหมายยอดขายในวันเปิดขายที่ 50% ของมูลค่าโครงการ หรือ ราว 4.5 พันล้านบาท
อนึ่ง โครงการ LIFE Asoke-Rama 9 เป็นโครงการคอนโดมิเนียมแบบไฮไรซ์ จำนวน 2 อาคาร ซึ่งอาคาร A สูง 42 ชั้น ส่วนอาคาร B สูง 46 ชั้น รวมห้องชุดจำนวน 2,248 ยูนิต มีขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 25-58 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 2.45 ล้านบาท/ยูนิต
นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการพัฒนา (Ongoing Projects) ราว 25 โครงการ แบ่งเป็น โครงการร่วมทุนกับบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตส กรุ๊ป (MEC) จำนวน 10 โครงการ และโครงการที่บริษัทพัฒนาเอง 15 โครงการ ซึ่งปัจจุบันมีสินค้าเหลือขาย(สต็อก)ราว 1.58 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการร่วมทุน ประมาณ 4.34 พันล้านบาท และโครงการของบริษัทเอง 1.15 พันล้านบาท
นายวิทการ กล่าวว่า บริษัทยังมั่นใจยอดโอนโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการแนวราบในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมาย 2.53 หมื่นล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่มียอดโอน 2.26 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมียอดโอน 1.05 หมื่นล้านบาท ขณะที่บริษัทจะมีโครงการสร้างเสร็จใหม่ที่เตรียมโอนอีก 4 โครงการ ได้แก่ LIFE Asoke ขายได้แล้ว 100%, RHYTHM Rangnam ขายได้แล้ว 100%, LIFE Pinkloa ขายได้แล้ว 47% และ Aspire Erawan ขายได้แล้วกว่า 40% ซึ่งคาดว่าจะมียอดโอนเข้ามาในไตรมาส 4/60 กว่า 3 พันล้านบาทจากโครงการใหม่
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 3.54 หมื่นล้านบาท และส่งผลให้ยอดโอนในไตรมาส 4/60 เป็นไตรมาสที่มียอดโอนสูงที่สุดของปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามภาพรวมของอุตสาหกรรมที่เป็นไฮซีซั่นในไตรมาสสุดท้ายของทุกปี
ด้านอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทยังทรงตัวจากครึ่งปีแรกที่ 12-15% และคาดว่าจะอยู่ในระดับดังกล่าวถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งบริษัทยังไม่มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การปฏิเสธสินเชื่อ เพราะระดับราคาขายโครงการ 2-2.5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อ และมีความสามารถในการกู้ค่อนข้างมาก ทำให้การมีการปฏิเสธสินเชื่อในระดับต่ำ
นายวิทการ กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปีนี้ว่า การแข่งขันยังอยู่ในระดับที่สูง โดยเฉพาะในช่วงตั้งแต่แดือนพ.ย.ที่จะถึงนี้ เพราะผู้ประกอบการทุกรายจะเริ่มกลับมาทำกิจกรรมทางการตลาดกันอีกครั้ง หลังจากผ่านพ้นช่วงเดือนต.ค.นี้ไปแล้ว ซึ่งมองว่าตลาดจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ แต่สำหรับบริษัทยังมีการทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าไม่ไช่กิจกรรมใหญ่ที่บริษัทจัด ได้แก่ การนำสต็อกไปออกบูธ โดยมีข้อเสนอพิเศษให้แก่ลูกค้า การทำกิจกรรมส่งเสริมการขายที่สำนักงานขาย เป็นต้น เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าให้เข้ามาซื้อมากขึ้น
นอกจากนี้การขายโครงการของบริษัทยังมีการเพิ่มสัดส่วนการขายให้กับลูกค้าชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยเริ่มจากโครงการ LIFE Asoke-Rama 9 ที่เพิ่มสัดส่วนลูกค้าชาวต่างชาติเป็น 25% จากโครงการเดิมที่เคยเปิดการขายไปมีสัดส่วนการขายให้กับลูกค้าชาวต่างชาติน้อยกว่า 10% ซึ่งเป็นการช่วยสนับสนุนยอดขายของบริษัทให้เพิ่มขึ้น และขยายฐานลูกค้าใหม่หลากหลาย ซึ่งลูกค้าชาวต่างชาติของบริษัทเป็นกลุ่มประเทศฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน และไต้หวั่นพร้อมกับคาดว่าสัดส่วนยอดขายจากลูกค้าชาวต่างชาติในสิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 10% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนน้อยกว่า 10%