หุ้น SSP ปิดเทรดวันแรกที่ 8.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.65 บาท (+8.44%) จากราคาขาย IPO ที่ 7.70 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 4,647.17 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 10.30 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 10.30 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 8.35 บาท
บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่ายุติธรรมของ บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) สำหรับปี 2560 ที่ 9.26 บาท โดยอ้างอิงวิธีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) Sum-of-the-parts ของมูลค่าในแต่ละโครงการที่มีสัญญาการซื้อขายไฟ (PPA) และกำลังก่อสร้างและทยอยรับรู้ในอนาคตอันใกล้ พร้อมกันนี้คาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลราวร้อยละ 2.4 ต่อปี
พร้อมประเมิน ณ สิ้นปี 2560 SSP จะมีรายได้รวมราว 889 ล้านบาท และ EBITDA Margin ที่ราวร้อยละ 90.0 ซึ่งจะส่งผลให้คาดว่ามีกำไรสุทธิอยู่ที่ 509 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 13.8 จากปีก่อน ทั้งนี้คาดกำไรปี 2561 และปี 2562 อยู่ที่ 596 ล้านบาท และ 613 ล้านบาทตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย(CAGR) ปี 2560-2562 ราวร้อยละ 9.8 ต่อปี
SSP มีจุดเด่นในการลงทุนดังนี้ (1) เน้นหลักธรรมาภิบาลและการบริการเชิงรุกเป็นสำคัญ (2) อุตสาหกรรมโรงไฟฟ้ากำลังเติบโต จากความต้องการการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับนโยบายภาครัฐสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน (3) ได้สัญญาการซื้อขายไฟ (PPA) ในระยะยาว ทั้งในไทยและญี่ปุ่น (4) ผู้บริหารระดับสูงดูแลทุกโครงการด้วยตนเองอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอน (5) การเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากโครงการที่มีคุณภาพในอนาคตที่กำลังทยอยรับรู้เข้ามา
ปัจจุบัน SSP ดำเนินธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นทั้งในและต่างประเทศ โดยสามารถจำแนกออกเป็น 2 ธุรกิจดังต่อไปนี้ (1) ธุรกิจลงทุนและพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (2) ธุรกิจลงทุนและพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนประเภทอื่นๆ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซชีวภาพ โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ เป็นต้น