บมจ.มิลล์คอน สตีล (MILL) มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตทะลุเป้าหมายที่ 10% จากปีก่อน ตามความต้องการใช้เหล็กที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งจะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงงานร่วมทุนผลิตเหล็กในประเทศเมียนมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/60 และจะรับรู้รายได้ดังกล่าวเต็มปีในปีหน้าด้วย รวมถึงการรุกผลิตเหล็กเกรดพิเศษเต็มกำลัง ก็จะช่วยผลักดันให้รายได้ในปี 61 เติบโตก้าวกระโดด
นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาขายที่ดิน จำนวน 300 ไร่ ในจ.ระยอง โดยประเมินราคาตลาดอยู่ที่ 2 พันล้านบาท
นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหาร MILL เปิดเผยว่า ในปี 60 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 10% เนื่องจากมีความต้องการของตลาดเหล็กมากขึ้น ขณะที่ปัจจุบันราคาเหล็กอยู่ในระดับที่ทรงตัว ไม่ได้ผันผวนเหมือนในอดีต รวมถึงบริษัทมุ่งเน้นการผลิตเหล็กเกรดพิเศษ ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากราคาเหล็กผันผวนมากนัก โดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตเหล็กรวมอยู่ที่ 1.4 ล้านตัน/ปี และมีอัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) อยู่ที่ 70-80%
ขณะที่การร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่นในเมียนมา บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงงานผลิตเหล็กในเมียนมาเข้ามาตั้งแต่เริ่มเดินเครื่องในช่วงไตรมาส 3/60 โดยคาดว่ารายได้จากโรงงานดังกล่าวจะอยู่ที่ราวปีละ 1 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้น 45%
นอกจากนั้น บริษัทยังคาดว่ารายได้ปี 61 จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากจะรับรู้โรงงานผลิตเหล็กเกรดพิเศษเต็มปี หลังมีการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 5 แสนตัน/ปี โดยที่ผ่านมาได้มีการทดลองผลิตแล้วตั้งแต่ต้นปี 60 คาดว่าโรงงานผลิตเหล็กเกรดพิเศษจะสามารถสร้างรายได้ราว 1 หมื่นล้านบาท/ปี ทำให้บริษัทจะรับรู้เข้ามาตามสัดส่วนการถือหุ้น ราว 50%
"เรามองแนวโน้มปี 61 น่าจะเติบโตดีกว่าปีนี้ หลังรับรู้รายได้จากการลงทุน ทั้งการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น ผลิตเหล็กเกรดพิเศษ และการร่วมทุนกับพันธมิตรเมียนมา ผลิตเหล็กในเมียนมา ซึ่งจะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี"นายสิทธิชัย กล่าว
พร้อมกันนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อจัดตั้งกองทุนร่วมกับพันธมิตร เพื่อลงทุนในเทคโนโลยีที่จะเข้ามาต่อยอดธุรกิจหลัก คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า
สำหรับที่ดินที่ไม่ได้ใช้งานจำนวน 300 ไร่ ที่จ.ระยอง บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อขายที่ดินดังกล่าว โดยมีการประเมินราคาตลาดอยู่ที่ราว 2 พันล้านบาท โดยปัจจุบันมีผู้สนใจเข้ารวมเจรจาหลายราย แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ในขณะนี้
นายสิทธิชัย กล่าวว่า ยืนยันไม่มีการขายหุ้นออกมาหลังจากได้ทำคำเสนอซื้อหุ้นต่อผู้ถือหุ้นทั่วไป (TENDER OFFER) จนมีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ 42% จากเดิม 19% เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในธุรกิจของ MILL ที่น่าจะมีการเติบโตที่ดีในอนาคต