หุ้น AJA ร่วง 29.66% มาอยู่ที่ 0.83 บาท ลดลง 0.35 บาท มูลค่าซื้อขาย 86.10 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.03 น. โดยเปิดตลาดที่ 0.83 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 0.86 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 0.83 บาท
เช้านี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งปลดเครื่องหมาย SP หุ้น บมจ.เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี (AJA) ตั้งแต่การซื้อขายรอบเช้าวันนี้ หลังจากขึ้นเครื่องหมายมาตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.60 เนื่องจากบริษัทไม่สามารถนำส่งงบการเงินไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 ปี 60 ภายในเวลาที่กำหนด
แต่ขณะนี้บริษัทได้นำส่งงบการเงินดังกล่าวแล้ว โดยผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตเกี่ยวกับผลกระทบต่อกลุ่มบริษัทจากการเปลี่ยนแปลงทางการบัญชีเรื่องการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและการรับรู้รายได้ดอกเบี้ย โดยสรุปผลการดำเนินงานได้ดังนี้ ไตรมาสที่ 1/60 ขาดทุนสุทธิ 127 ล้านบาท ,ไตรมาสที่ 2/60 ขาดทุนสุทธิ 101 ล้านบาท และงวด 6 เดือนปี 60 ขาดทุนสุทธิ 227 ล้านบาท
ตลท.ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลดังต่อไปนี้ด้วยความระมัดระวังเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน ทั้งในส่วนของข้อมูลในงบการเงินไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 ปี 60 , คำชี้แจงข้อมูลในงบการเงินไตรมาส 1/60 ตามที่ ตลท.สอบถาม และมติคณะกรรมการบริษัท เรื่องการเข้าทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้และทุน การสละสิทธิ์การจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในบริษัท เวนดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (VDC) ซึ่งทำให้สิ้นสภาพจากการเป็นบริษัทย่อย โดยลดสัดส่วนการถือหุ้นจากเดิม 60.08% เหลือ 17.67%
ทั้งนี้ AJA ได้แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (28 ก.ย.) มีมติให้จัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อชำระหนี้ของบริษัท ซึ่งจะถึงกำหนดชำระในไตรมาสที่ 4/60 ตามแผนการปรับโครงสร้างหนี้และโครงสร้างทุนของ VDC และอนุมัติให้บริษัทเข้าร่วมลงนามในสัญญาปรับโครงสร้างฯดังกล่าว ขณะที่บริษัทเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน VDC
สำหรับหนี้สินที่ VDC มีต่อบริษัท ทั้งที่ถึงกำหนดแล้วและยังไม่ถึงกำหนดชำระ ณ วันที่ 18 ก.ย.60 รวม 707.35 ล้านบาท ประกอบด้วย หนี้ค่าสินค้าค้างชำระ 178.45 ล้านบาท และหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน 528.9 ล้านบาท โดยมีแนวทางการชำระหนี้สิน จากการกู้ยืมเงินจากผู้ถือหุ้นรายอื่น รวม 96 ล้านบาท และการจะเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อนำเงินค่าหุ้นเพิ่มทุนที่ได้รับมาชำระหนี้ จำนวน 552 ล้านบาท
การปรับโครงสร้างทุนของ VDC นั้น กลุ่มผู้ถือหุ้นรายอื่นใน VDC ที่ถือหุ้นรวมกันเป็นจำนวนประมาณ 27.44% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดใน VDC มีความประสงค์ที่จะปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน VDC โดยการเพิ่มทุนจดทะเบียนของ VDC เพื่อให้ VDC มีเงินสดสำหรับการชำระหนี้คืนให้ AJA และผู้ถือหุ้นรายอื่น
ส่วนสัญญาการปรับโครงสร้างฯ ที่ได้ลงนามเมื่อวันที่ 28 ก.ย. ประกอบด้วยคู่สัญญา คือ บริษัทในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเจ้าหนี้ของ VDC และผู้สละสิทธิการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน ,นางสาววิจิตรา ปิ่นเรืองหิรัญ นายวิชัย วชิรพงศ์ นางสาวอติกานต์ จึงวิวัฒนวงศ์ ในฐานะผู้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนและผู้ที่จะเข้าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ VCD ภายหลังการเพิ่มทุนเสร็จสมบูรณ์ และ VDC ในฐานะบริษัทผู้ออกหุ้นเพิ่มทุนและลูกหนี้ของบริษัท
โดยการปรับโครงสร้างทุนครั้งนี้ VCD จะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 680 ล้านบาท จากเดิม 200 ล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่ 4.8 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 100 บาท ราคาจองซื้อหุ้นละ 115 บาท ซึ่งบริษัทตกลงที่จะสละสิทธิการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ VCD ที่มีสิทธิได้รับจัดสรร 2.88 ล้านหุ้น ขณะที่กลุ่มผู้จองซื้อตกลงที่จะจองซื้อและชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมดในส่วนของกลุ่มผู้จองซื้อและส่วนของบริษัทที่สละสิทธิ คิดเป็นจำนวนหุ้นที่จองซื้อทั้งหมดไม่น้อยกว่า 4.2 ล้านหุ้น เป็นจำนวนเงินค่าจองซื้อไม่น้อยกว่า 483.08 ล้านบาท
การปรับโครงสร้างหนี้ ประกอบด้วย ภายในวันที่ 2 ต.ค.60 VDC จะนำเงินค่าหุ้นเพิ่มทุน ไปชำระหนี้จำนวน 347.7 ล้านบาท ให้แก่บริษัท ,ภายในวันที่ 12 ต.ค.60 VDC จะนำเงินค่าหุ้นชำระหนี้จำนวน 136.3 ล้านบาทให้แก่บริษัท สำหรับภาระหนี้สินส่วนที่เหลือรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 141.05 ล้านบาทนั้น VDC ตกลงจะเข้าทำสัญญากู้ยืมเงินกับบริษัท ซึ่งจะกำหนดให้ภายในวันที่ 28 ก.พ.61 VDC จะชำระหนี้สินจำนวนดังกล่าวให้แก่บริษัท และภายในวันที่ 30 พ.ย.61 VDC จะชำระหนี้ Debit Notes รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 46.43 ล้านบาท ให้แก่บริษัท
ทั้งนี้ กลุ่มผู้จองซื้อจะต้องดำเนินการให้มั่นใจว่า VDC จะไม่ใช้เครื่องหมายการค้า และตราสัญลักษณ์ "เติมสบาย by เอเจ" ตลอดจนเครื่องหมายทางการค้าใด ๆ ที่มีถ้อยคำ "เอเจ" (เครื่องหมายการค้า "เอเจ") กับตู้เติมเงินออนไลน์ที่ VDC จำหน่าย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.61 เป็นต้นไป ทั้งนี้ VDC มีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้า "เอเจ" กับเติมเงินออนไลน์ที่ VDC ซื้อจาก บริษัท เพื่อขายจนกว่าสินค้าคงเหลือจะหมด ทั้งนี้ ไม่รวมตู้เติมเงินออนไลน์ที่มีเครื่องหมายการค้า "เอเจ" ที่มีอยู่แล้วในท้องตลาดก่อนวันทำสัญญานี้
ภายหลังการเพิ่มทุนใน VDC เสร็จสมบูรณ์ สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทใน VDC จะลดลงจากเดิม 60.08% เป็น 17.67% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดของ VDC และจะส่งผลให้ VDC และบริษัท เอเจ มันนี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ VDC สิ้นสถานะการเป็นบริษัทย่อยของบริษัท