โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) หลังมองราคาหุ้นที่ปรับตัวลงก่อนหน้านี้ได้ตอบรับแนวโน้มผลกำไรที่จะหดตัวในปีนี้ไปแล้ว ขณะที่กำไรในปี 61 จะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่นจากการรับรู้รายได้ของหลายโครงการ ตามสัดส่วนการโอนโครงการสร้างใหม่เพิ่มมากขึ้น หลังจากปีนี้จะเน้นการการขายโครงการในสต็อก
ด้านแผนกลยุทธ์ที่หันมาเน้นการเปิดโครงการระดับกลาง-บนมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยวางแผนจะพัฒนาโครงการย่านพระราม 3 วงแหวนอุตสาหกรรม ขนาดใหญ่ราว 5 พันล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียม Lumpini Place มูลค่าราว 1.7-2 พันล้านบาทเตรียมเปิดตัวในไตรมาส 4/60 ส่วนที่เหลืออีกราว 3 พันล้านบาทเตรียมพัฒนาเป็นโครงการแนวราบกลางเมืองต้นปี 61 เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีและช่วยหนุนผลการดำเนินงานในอนาคต
ราคาหุ้น LPN พักเที่ยงอยู่ที่ 12.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ 2.5% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 0.27%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) ทรีนีตี้ ซื้อเก็งกำไร 13.00 เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ซื้อเก็งกำไร 12.70 หยวนต้า (ประเทศไทย) Trading 12.30 แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ซื้อเมื่ออ่อนตัว 12.00
นางสาวเติมพร ตันติวิวัฒน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น LPN ได้ปรับตัวลงมาตอบรับคาดการณ์ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/60 ที่จะไม่ดีไปแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นจุดต่ำสุดแล้ว ก่อนที่ผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวในไตรมาส 4/60 เป็นต้นไปจนถึงปีหน้า ทำให้มองว่าผลการดำเนินงานปี 61 จะดีกว่าปีนี้แน่นอน
เนื่องจากไตรมาส 4 ปีนี้ LPN จะโอนหลายโครงการทำให้สามารถรับรู้รายได้มากขึ้นในช่วงปลายปี และยังมีแผนเปิดโครงการใหม่มูลค่า 3 พันล้านบาท ทำให้ทั้งปีนี้เปิดโครงการใหม่รวม 10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท และในปี 61 คาดว่าจะมีมูลค่าโครงการเปิดใหม่ประมาณ 1.5-2.0 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า LPN จะมีกำไรสุทธิในปีนี้ที่ระดับ 1.46 พันล้านบาท ลดลง 34% จากระดับ 2.18 พันล้านบาทในปีที่แล้ว เป็นผลจากยอดขายที่ไม่ดี แต่ราคาหุ้นก็ได้ปรับตัวลงมาสะท้อนผลกำไรที่จะลดลงไปแล้ว ขณะที่ในปี 61 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 27% มาอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท เนื่องจากในปีหน้ามียอดรอรับรู้ 40% เมื่อเทียบกับต้นปีนี้ที่มียอดรอรับรู้แค่ 20%
ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ LPN เหลือโครงการรอเปิดเพียง 3 โครงการมูลค่า 5.1 พันล้านบาท ซึ่งหนึ่งในนั้นจะเป็นโครงการ Lumpini Place พระราม 3 วงแหวนอุตสาหกรรม มูลค่า 2 พันล้านบาท จากมูลค่ารวมของโครงการที่ 5 พันล้านบาท ขณะที่ส่วนที่เหลืออีก 3 พันล้านบาทจะเปิดในต้นปี 61 ซึ่งวางแผนจะพัฒนาเป็นโครงการแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดใน Segment Luxury ครั้งแรก และจะเป็นโครงการที่ช่วยหนุนยอดขายรอโอน (Backlog) ในปีหน้าด้วย
ด้าน บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ โดยปรับคำแนะนำจาก "ถือ" เป็น "ซื้อเก็งกำไร" จากที่เชื่อว่า LPN ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และในปี 61 จะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้ ซึ่งเป็นโครงการที่มีอัตราการทำกำไรที่สูงกว่าการขายโครงการที่อยู่ในสต็อก นอกจากนี้ จะเริ่มเห็น LPN ปรับกลยุทธ์มาขายโครงการที่มีราคาสูงขึ้น และเจาะกลุ่มลูกค้ากลาง-บนเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาดที่ยังมีความต้องการและกำลังซื้อสูง รวมทั้งอัตราปฏิเสธสินเชื่อที่ต่ำ รวมถึงยังได้ขยายโครงการไปยังกลุ่มบ้านแนวราบระดับบนด้วย
ทั้งนี้ ได้ปรับประมาณการรายได้รวมปี 60 ลง 8.4% เป็น 1.06 หมื่นล้านบาท โดยปรับยอดโอนลงเหลือ 9.78 พันล้านบาท จาก 1.07 หมื่นล้านบาท และปรับลดประมาณการกำไรสุทธิจาก 1.45 พันล้านบาท ลง 8.2% เป็น 1.33 พันล้านบาท เนื่องจากในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ LPN สามารถทำยอดโอนรวมไปได้เพียง 4.51 พันล้านบาท และในไตรมาส 3/60 จะเป็นไตรมาสที่ไม่มีโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนใหม่ ก่อนที่จะมีโครงการใหม่รอโอน 4 โครงการ มูลค่ารวม 2.87 พันล้านบาท ทยอยโอนเข้ามาในช่วงไตรมาส 4 /60
ขณะที่ LPN ได้ปรับลดเป้าหมายยอด Presales ปี 60 ลงจาก 2 หมื่นล้านบาท เป็น 1.6 หมื่นล้านบาท หลังจากที่เลื่อนเปิด 2 โครงการใหม่ไปในปี 61 จากความล่าช้าในการซื้อที่ดิน ส่งผลให้เหลือโครงการเปิดตัวใหม่เพียง 3 โครงการในช่วงที่เหลือของปี มูลค่ารวม 5 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการ Lumpini Place พระราม 3-วงแหวนอุตสาหกรรม, Lumpini Place รัชดาสาธุประดิษฐ์ และ Lumpini Park พหล 32 ที่จะเปิดตัวในวันที่ 30 ก.ย.60 นี้
พร้อมปรับเพิ่มประมาณการณ์รายได้ปี 61 ขึ้น 6.9% จาก 1.16 หมื่นล้านบาท เป็น 1.23 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิจาก 1.6 พันล้านบาท ขึ้นเป็น 1.75 พันล้านบาท โดยที่คาดว่าปี 61 จะมีอัตราการทำกำไรที่สูงขึ้นจากปีนี้ เนื่องจากจะมีสัดส่วนการโอนโครงการเสร็จใหม่เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ปีนี้ได้เน้นการขายโครงการที่อยู่ในสต็อกมากกว่า
บทวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุว่า แม้กำไรของ LPN ปีนี้จะหดตัวแรง แต่เป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น เพราะปี61 กำไรจะกลับมาเติบโตโดดเด่น การทำโครงการแนวราบระดับบน แม้จะยังมีสัดส่วนไม่มาก แต่น่าจะช่วยให้โครงสร้างรายได้กระจายตัวดีขึ้น นอกจากนี้ LPN ยังมีการจ่ายเงินปันผลดีด้วยอัตรา 4.8-6.5% ในปีนี้และปีหน้า โดยเพิ่งประกาศจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งแรกของปีนี้ที่ 0.15 บาท/หุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 22 ส.ค.
นอกจากนี้ ต้นปีหน้า LPN จะเริ่มทำโครงการแนวราบระดับบน บริเวณพระราม 3-วงแหวนอุตสาหกรรม มูลค่าโครงการ 3.1 พันล้านบาท ซึ่งมีทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม นอกจากนั้น ยังมีคอนโดมิเนียม Lumpini Place มูลค่า 1.7 พันล้านบาท ที่อยู่ในบริเวณเดียวกันจะเปิดตัวก่อนในช่วงไตรมาส 4/60 ซึ่ง LPN ค่อนข้างมั่นใจกับโครงการนี้ว่าจะสามารถปิดโครงการได้ภายใน 1 ปี เพราะทำเลที่ตั้งดี และแทบไม่มีคู่แข่งที่ทำโครงการแนวราบกลางเมือง
ทั้งนี้ มองว่ากำไรของ LPN จะกลับมาน่าสนใจอีกครั้งในไตรมาส 4/60 หลังช่วงครึ่งแรกปีนี้ทำได้เพียง 564 ล้านบาท ลดลง 64% จากงวดปีก่อน และคิดเป็น 45% ของประมาณการทั้งปี เนื่องจากยอดโอนลดลงเป็น 4.1 พันล้านบาท ลดลง 56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะมีโครงการใหม่สร้างเสร็จไม่มาก คาดว่ากำไรไตรมาส 3/60 จะทำได้ใกล้เคียงเมื่อเทียบรายไตรมาส โดยยอดโอนที่น่าจะสูงขึ้นเมื่อเทียบต่อไตรมาส ตามโมเมนตัมการขายที่ดีขึ้น จะถูกลดทอนด้วยอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ต่ำลง ทั้งนี้ คาดกำไรไตรมาส 4/60 จะกลับมาเติบโตสูง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และงวดปีก่อน เพราะมี 4 โครงการสร้างเสร็จพร้อมกัน มูลค่ารวม 2.9 พันล้านบาท และมี Backlog แล้ว 1.9 พันล้านบาท
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้ปรับลดประมาณการกำไรของ LPN ในปี 61 แต่คงประมาณการกำไรปี 60 ที่ 1.24 พันล้านบาท ลดลง 43% จากปีก่อนหน้า อิงยอดโอนที่ 9.5 พันล้านบาท และ GPM ลดลงเหลือ 29.5% จากกลยุทธ์ลดราคาขายเพื่อเร่งระบายโครงการเดิม แต่ปรับลดประมาณการกำไรปี 61 ลง 6% เพราะมูลค่าโครงการสร้างเสร็จปีหน้าจะลดลงจากแผนเดิมตามการเลื่อนเปิดตัวและการก่อสร้างล่าช้ากว่าแผน
อย่างไรก็ตาม ปี 61 กำไรยังจะฟื้นตัวเด่น 43% จากปีนี้ ตามยอดโอนที่สูงขึ้นเป็น 1.25 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% ขณะที่ LPN มียอดขายรอโอน รวม 7.2 พันล้านบาท แบ่งเป็นโอนปีนี้ 2.5 พันล้านบาท และโอนปีหน้า 4.7 พันล้านบาท