นายวิโรจน์ คัมภีระ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) หรือซีพีเอฟ ในฐานะประธานคณะกรรมการนวัตกรรม เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายกระดับองค์กรไปสู่องค์กรแห่งนวัตกรรมระดับสากล โดยตั้งเป้าเร่งพัฒนาบุคลากรให้เป็นนวัตกรตามแนวทาง TRIZ ให้มีเพิ่มขึ้นถึง 1,000 คนภายในปี 61 จากปัจจุบันที่ซีพีเอฟมีนวัตกรในองค์กรอยู่ 561 คน พร้อมทั้งผลักดันให้ทุกหน่วยงานของบริษัทผ่านการรับรองมาตรฐาน CEN16555 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างนวัตกรรมได้อย่างเป็นระบบ เพื่อรองรับการเติบโตขององค์กรให้สามารถดำเนินการภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด และสามารถสร้างนวัตกรรมได้เป็นผลสำเร็จ
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่งผลโดยตรงต่ออุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร การก้าวไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 เทคโนโลยีจึงมีบทบาทสำคัญ ผู้ผลิตอาหารที่ประสบความสำเร็จต้องสามารถนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ในกระบวนการพัฒนาประสิทธิภาพทั้งด้านการผลิต ต่อยอดผลิตภัณฑ์ และกระบวนการปฏิบัติงานได้
“วงการอุตสาหกรรมยุคใหม่นั้นเน้นการแข่งขัน การเป็นเจ้าของนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ตอบโจทย์การผลิตของตนและกลุ่มลูกค้าจะทำให้สนองตอบต่อความต้องการได้สูง นวัตกรรมจึงเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในอนาคต พัฒนาองค์กรให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงสู่อุตสาหกรรม 4.0 ทั้งในการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ลตต้นทุน การพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ให้สอดคล้องและตอบโจทย์เมกะเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม" นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวต่อไปว่า ซีพีเอฟ ตั้งเป้าพัฒนาบุคลากรทุกหน่วยธุรกิจเป็นนวัตกรตามแนวทาง TRIZ อย่างต่อเนื่องมาเกือบ 10 ปี เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ สร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้บริโภค ตลอดจนสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม ตลอดระยะเวลา 5-6 ปีที่ผ่านมา บริษัทมุ่งมั่นผลักดันให้องค์กรเกิดการคิด ปรับปรุงและพัฒนานวัตกรรมอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งมองเห็นโอกาสในการแก้ปัญหา สามารถเปลี่ยนแปลงปัญหาเป็นผลงานหรือนวัตกรรมได้ คิดต่อยอดสิ่งใหม่ๆ สอดรับกับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของซีพีเอฟ
ที่ผ่านมา ซีพีเอฟ สามารถนำผลงานนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นไปขอจดสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตรแล้วประมาณ 133 สิทธิบัตร และตั้งเป้าว่าในปี 2563 จะมีผลงานนวัตกรรมขององค์กรได้รับการจดสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตรมากกว่า 500 เรื่อง
โดยปีนี้ มีสถานประกอบการและหน่วยงานของซีพีเอฟ 6 แห่งที่สามารถผ่านการรับรองมาตรฐาน CEN16555 แล้ว ได้แก่ โรงงานอาหารสำเร็จรูป หนองจอก, โรงงานผลิตอาหารสัตว์บก บางนา, โรงงานผลิตอาหารสัตว์น้ำ หนองแค, บริษัท ซีพี เมจิ, บริษัท เกษตรภัณฑ์อุตสาหกรรม จำกัด และบริษัท เคเอสพี อุปกรณ์ จำกัด
นอกจากนี้ ซีพีเอฟยังจัดกิจกรรมที่สร้างบรรยากาศและกระตุ้นให้พนักงานมีการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ งาน CPF CEO Awards เป็นเวทีมอบรางวัลให้กับบุคลากรเจ้าของผลงานและโครงการนวัตกรรม ที่ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่องในปีนี้เป็นปีที่ 9 โดยในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ซีพีเอฟจะจัดงาน “CPF 3i Day" เป็นเวทีการพิจารณาคัดเลือกผลงานและโครงการนวัตนกรรม เพื่อหาผลงานนวัตกรรมที่จะได้รับรางวัล CFO CEO Awards ปี 2560 ที่จะประกาศในปลายปีนี้ โดยในปีนี้ มีผลงานที่ผ่านการคัดกรองรอบแรกมานำเสนอในงาน CPF 3i Day ถึง 554 ผลงานด้วยกัน
ทั้งนี้ ซีพีเอฟวางแนวทางการสร้างสรรค์นวัตกรรมองค์กรเป็น 3 ลำดับ ได้แก่ ลำดับแรก "การสร้างวัฒนธรรมองค์กรนวัตกรรม" ผ่านการสร้างแรงจูงใจและบรรยากาศการพัฒนางาน จากการสนับสนุนของผู้บริหารในแต่ละสายธุรกิจ ผ่านการประกวดและแสดงผลงานนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ผ่านเวที CPF CEO Awards ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ลำดับที่สอง "ความร่วมมือของเครือข่ายทั้งภายในและภายนอก" จะทำให้คุณค่าของนวัตกรรมสูงขึ้นขณะที่ต้นทุนและเวลาในพัฒนาลดลง ซึ่งการผนึกกำลังของซีพีเอฟ ก่อให้เกิดพลังสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องทั้งห่วงโซ่อุปทาน ทำให้มีสินค้าดี มีประสิทธิภาพในการบริการสูงขึ้น ลำดับสาม คือ "สร้างนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ให้มากขึ้น" ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ชุมชน และสังคม ทำให้เกิดการบูรณาการจากทุกภาคส่วนตลอดห่วงโซ่อุปทาน ทั้งฝ่ายผลิต ฝ่ายตลาด และอื่นๆ ซึ่งเหล่านี้จะนำพาซีพีเอฟไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน