(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ซิกแซกขึ้นเล็งแรงหนุน Fund Flow ระลอกใหม่หลัง Sentiment ตปท.บวกต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 3, 2017 09:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะซิกแซกขึ้นหลังดัชนีฯสามารถขึ้นเหนือแนว 1,680 จุดได้ แต่ให้ระวังจะผันผวนเพราะได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว แต่ทั้งนี้ตลาดฯได้ปัจจัยบวกจาก Fund Flow ที่ไหลเข้าระลอกใหม่ จาก Sentiment ต่างประเทศที่เป็นบวกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างก็อยู่ในแดนบวก หลังดัชนีภาคการผลิตของ ISM ของสหรัฐฯพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 13 ปี และยังมีความคาดหวังถึงแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯด้วย

อย่างไรก็ดี ให้ติดตามถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 4 ต.ค.นี้ โดยให้ดูว่าจะยังคงสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอยู่หรือไม่ เพราะหากยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะกระตุ้นให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น และยังจะกระตุ้นให้เกิดแรงขายทำกำไรได้

พร้อมให้แนวรับ 1,680-1,682 จุด ส่วนแนวต้าน 1,692-1,700 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 ต.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,557.60 จุด พุ่งขึ้น 152.51 จุด (+0.68%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,516.72 จุด เพิ่มขึ้น 20.76 จุด (+0.32%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,529.12 จุด เพิ่มขึ้น 9.76 จุด (+0.39%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 74.47 จุด, +0.37% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.73 จุด, +0.10% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 2.46 จุด, -0.02% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 7.39 จุด, +0.23% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 5.01 จุด, +0.06%

ส่วนตลาดหุ้นจีน ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันชาติ, ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันสถาปนาประเทศ

  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 ต.ค.60) 1,688.64 จุด เพิ่มขึ้น 15.48 จุด (+0.93%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,869.56 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ต.ค.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 ต.ค.60) ปิดที่ระดับ 50.58 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.09 ดอลลาร์ หรือ 2.1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 ต.ค.60) ที่ 7.38 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.48 แนวโน้มอ่อนค่าตามภูมิภาคหลังดอลล์แข็ง
  • สศช.ให้ข้อมูลผู้แทนไอเอ็มเอฟยันพื้นฐานเศรษฐกิจไทยแกร่ง รองรับการเติบโตเศรษฐกิจระยะปานกลาง ชี้เติบโตเฉลี่ย 5 ปีขยายตัว 3.8-4.3% เงื่อนไขเศรษฐกิจโลกขยายตัว 3.6% ชี้หนี้ครัวเรือนลด หนุนเศรษฐกิจโต ขณะปี 61 มองการเติบโต ต่อเนื่องลงทุนโครงการรัฐ ด้าน รมว.พลังงาน คาด ปี 61 รสก.-เอกชน ลงทุนธุรกิจพลังงาน กระตุ้นเศรษฐกิจทะลุ 1 ล้านล้าน
  • รัฐบาลเตรียมเปิดเจรจาจีนใหม่ขอทบทวนข้อตกลง "เอฟทีเอ" นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า หวั่นไทยเสียเปรียบจัดเก็บภาษี กระทบแผนดึงนักลงทุนต่างชาติเข้าไทย ตั้ง "กอบศักดิ์" ประธานเจรจา ก่อนข้อตกลงมีผล 1 ม.ค.61 หลังมี สินค้าร่วมโครงการ 703 รายการ ด้านเอกชนหวั่นเปลี่ยนแปลงยาก ชี้จีนมีแต้มต่อ เหตุกำหนดรถไฟฟ้าไว้ใน "พิกัดอื่นๆ" ไม่มีเงื่อนไขปลีกย่อย เปิดทางส่งเข้าไทยได้ทันที
  • ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือน ก.ย. 2560 เท่ากับ 101.22 สูงขึ้น 0.86% เทียบกับเดือน ก.ย. 2559 เป็นการปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกัน 3 เดือน ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย. 2560) สูงขึ้น 0.59% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
  • การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ในวันที่ 4 ต.ค. จะมีการพิจารณาโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เดือน ต.ค. ซึ่งปัจจุบันแนวโน้มราคาพลังงานอยู่ในช่วงขาขึ้น เนื่องจากประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่หลายรายได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ จึงผลักดันให้ราคาพลังงานสูงขึ้นตามต้นทุน ประกอบกับเศรษฐกิจของหลายประเทศในโลกเริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้มีการใช้พลังงานมากขึ้น
  • รัฐบาลเตรียมเปิดเจรจากับจีนเพื่อขอทบทวนข้อตกลงการค้า (เอฟทีเอ) ระหว่างไทย-จีนในเรื่องของการปรับอัตราภาษีเหลือ 0% สำหรับสินค้านำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ซึ่งเป็น 1 ใน 703 รายการมีอัตราภาษีนำเข้า 0% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป ทั้งนี้ เห็นว่าจะส่งผลกระทบทั้งในแง่การจัดเก็บภาษีและการดึงนักลงทุนเข้ามาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ

*หุ้นเด่นวันนี้

  • WPH (บมจ.โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สังกัดหมวดธุรกิจการแพทย์ โดยราคาขาย IPO อยู่ที่ 3.90 บาท/หุ้น ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินราคาเหมาะสมปี 61 ที่ 4.50 บาท โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้หดตัว 44.1% Y-Y จากโรคระบาดและการบริโภคที่ชะลอ ขณะที่ต้นทุนปรับขึ้นเพื่อเตรียมเปิดโรงพยาบาลใหม่ แต่คาดกำไรสุทธิจะกลับมาโตแข็งแกร่ง 66.6% Y-Y ในปีหน้า

บริษัทฯดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดตรังและกระบี่ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ ขณะที่การลงทุนอาคารและโรงพยาบาลใหม่จะหนุนการเติบโตระยะยาว

  • EA (ธนชาต) "ซื้อ" ปรับเป้าเป็น 46 บาท จากการรวมมูลค่าโครงการ ES ระยะ 2 บางส่วน ด้วยเห็นภาพแผนการเจาะตลาด Micro-grid ชัดขึ้น ผ่านการจ้าง TDRI เพื่อศึกษาการจัดเก็บพลังงาน และคาดว่าผลการศึกษาจะเป็นประตูไปสู่ตลาดไฟฟ้าภาครัฐในอนาคต
  • CPF (เอเอสแอล) "ซื้อ"เป้า 35 บาท ภาพของค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่าเป็นบวกต่อกลุ่มส่งออกอย่าง CPF แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังจะเห็นการฟื้นตัว จากงวด Q2/60 รายงานกำไรปกติไม่ถึงเป้าหลังราคาหมูตกต่ำ โดยประเมินว่าธุรกิจส่งออกไก่จะกลับมาเป็นตัวหนุนหลักที่ทำให้ผลประกอบการ Q3/60 กลับมาฟื้นตัว หลังยอดส่งออกไก่ไทยเพิ่มขึ้นราวๆ 8% ราคาไก่ส่งออกเพิ่มขึ้นประมาณ 5% Ytd หนุน High Season รวมถึงราคาหมูในเวียดนามเริ่มฟื้นตัว
  • SPRC (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 19.40 บาท อิง EV/EBITDA เฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 7.9x ซึ่งยังไม่นับรวมโครงการเพิ่มกำลังการกลั่นอีก 1.21 บาทต่อหุ้น คาดผลการดำเนินงานจะโดดเด่นและดีมากจากค่าการกลั่นที่ปรับตัวดีทำจุดสูงสุดในปี โดยคาดผลการดำเนินงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,952 ล้านบาท +397% qoq, +152% yoy 1) กำลังการกลั่นกลับเข้าสู่ภาวะปกติที่ 165 KBD 2) ค่าการกลั่นสิงคโปร์อยู่ที่ระดับ 8.29 เหรียญฯต่อบาร์เรล 3) Stock Gain ราคาน้ำมันดิบมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ