นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีโอแอล (COL) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 61 อยู่ที่กว่า 1.3 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีนี้ที่คาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท
โดยกลยุทธ์การทำการตลาดของบริษัทหลังจากที่ได้ขายธุรกิจออนไลน์ให้กับเครือเซ็นทรัลไปเมื่อช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา COL และธุรกิจในเครือจะเดินหน้าเน้นการเป็น Omni Channel โดยร่วมกับธุรกิจการค้าในช่องทางปกติ ร่วมกับช่องทางออนไลน์แบบไร้รอยต่อ ซึ่งจะเป็นการรุกตลาด E-marketplace ด้วยการเปิดตัว “แมพ คอร์ปอร์เรชั่น" (MEB-Coporation) ซึ่งได้เปิดกิจการตั้งแต่เมื่อ 6 ปีก่อนเพื่อทำแอพพลิเคชั่นขายหนังสือออนไลน์ (E-Book) และหลังจากนั้น COL ได้เข้าไปซื้อกิจการเมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งปัจจุบัน MEB เป็นสตาร์ทอัพที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและสอดคล้องกับเทรนด์ออนไลน์ทั่วโลก
ในส่วนของธุรกิจออนไลน์ รวมทั้งจาก MEB-Coporation จะเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตของผลการดำเนินงานของบริษัทตั้งแต่ไตรมาส 4/60 เป็นต้นไป รวมกับยอดขายจากสองธุรกิจหลัก คือ ออฟฟิศเมท (Officemate) และบีทูเอส (B2S) ที่ยังเป็นธุรกิจหลักของบริษัท แต่ได้มีการปรับตัวเพื่อรุกตลาดต่างประเทศและตลาดออนไลน์มากขึ้น
“MEB เป็นธุรกิจภายใต้การดูแลของ COL ที่เป็นหนึ่งผู้บุกเบิกธุรกิจออนไลน์ เรามั่นใจว่า MEB ร้าน E-Book สะดวกซื้อสัญชาติไทยจะเป็นสตาร์ทอัพที่มีอนาคตไกล และเติบโตอย่างแข็งแกร่ง อีกทั้งการนำพาธุรกิจในกลุ่มอย่าง PIXIPE ครีเอทีฟมาร์เก็ตเพลส รวมถึงการเป็นพันธมิตรกับ Hytexts.com ผู้นำด้านการพัฒนาแอพพลิเคชั่น E-Reader ให้เติบโตไปพร้อมกันในไตรมาสสุดท้ายและปีต่อๆไป ผ่านกลยุทธ์ที่เราไว้วางใจในช่องทางการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ที่น่าจับตามอง ในแบบ Omni Channel และ Omni Logistics อย่างเต็มรูปแบบของ COL"นายวรวุฒิ กล่าว
นายวรวุฒิ เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจในรูปแบบ Omni Channel และโลจิสติกส์แบบเต็มรูปแบบ โดยบริษัทจะใช้การรวมกันระหว่างร้านค้า เว็บไซต์ และแคตตาล๊อค ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญที่บริษัทมีอยู่แล้ว ซึ่งในปี 61 บริษัทมีแผนขยายธุรกิจในรูปแบบ Omni Channel แฟรนไชส์ โดยการเปิดให้ผู้สนใจเข้ามาลงทุนร้านในรูปแบบของแฟรนไชส์ ซึ่งจะทำให้สามารถขยายการลงทุนได้เร็วขึ้น และช่วยให้การเติบโตของภาพรวมธุรกิจเติบโคขึ้นได้อย่างก้าวกระโดด นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายการลงทุนในรูปแบบแฟรนไชส์ของร้านบีทูเอสไปยังต่างประเทศ โดยมีการเปิดไปแล้วในประเทศเวียดนามตั้งแต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมาทั้งหมด 1 แห่ง โดยเป็นการลงทุนของบริษัทเอง และมีแผนที่จะขยายเป็น 10 แห่งใน 61 ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เป็นต้น ก่อนที่จะขยายสาขาเพิ่มขึ้นในรูปแบบของแฟรนไชส์ เพื่อให้เข้าถึงทุกพื้นที่ทั้งในไทยและต่างประเทศ
นายรวิวร มะหะสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในเครือของ COL ซึ่งทำธุรกิจร้าน E-Book สะดวกซื้อสัญชาติไทย กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจะมียอดขายแตะ 1 พันล้านบาท ซึ่งจะคิดเป็นสัดส่วนยอดขายได้ราว 10% ของ COL จากปีนี้ที่ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 400 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตของยอดขาย E-book ที่เพิ่มมากขึ้นมาจากภาพรวมของตลาด E-Book ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งเข้ามาทดแทนหนังสือที่เป็นรูปแบบเล่ม
โดยมูลค่าตลาดของหนังสือทั้งหมดในปีนี้มองว่าอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท โดยคิดเป็นสัดส่วนของ E-Book ที่ 5% ของสัดส่วนทั้งหมด และในปี 61 จะเพิ่มเป็น 10% ของมูลค่าตลาดรวมหนังสือทั้งหมดที่คาดว่าเพิ่มเป็น 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเห็นว่าแนวโน้มของ E-Book จะเข้ามาทดแทนหนังสือแบบทั่วไปมากขึ้น และทำให้บริษัทมีโอกาสขยายกลุ่มลูกค้าที่นิยม E-Book ได้อีกมาก เพราะลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 20-40 ปี และมีแนวโน้มที่ช่วงอายุจะเริ่มกว้างขึ้นตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงถึงอายุมากกว่า 50 ปี
อีกทั้งหลายสำนักพิมพ์เริ่มหันมาผลิตหนังสือในรูปแบบ E-Book เพิ่มมากขึ้น ซึ่ง MEB มีการรวมรวมหนังสือไว้กว่า 60,000 เล่ม และคาดว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 70,000 เล่ม และมีเป้าหมายจะเพิ่มจำนวน E-Book เป็น 100,000 เล่ม ในปี 63
นอกจากนี้ ยังมองไปถึงโอกาสในการขยายไปสู่ตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะเวียดนามที่มองว่าเป็นโอกาส เพราะมีการเติบโตของการอ่าน E-book ในอัตราที่สูง ซึ่งการขยายไปตลาดต่างประเทศบริษัทจำเป็นต้องใช้เงินในการลงทุนค่อนข้างมาก ทำให้บริษัทวางแผนที่จะระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในอีก 2-3 ปีนี้ หรือในช่วงปี 62-63 เพื่อนำเงินมาใช้ในการขยายธุรกิจ
ปัจจุบัน บริษัท แมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น โดย COL ถือหุ้นในสัดส่วน 75%
อีกทั้งบริษัทยังได้พัฒนาช่องทางการขายแบบใหม่ผ่านช่องทางออนไลน์ที่เป็น E-Marketplace จากบริการพิกซีพี (PIXIPE) เพื่อนำสินค้าที่มาจากการสร้างสรรค์ผลงานของครีเอทเตอร์-ดีไซน์เนอร์ที่ออกแบบผลงาน ซึ่งได้ทดลองตลาดมาแล้วเป็นเวลา 3 เดือน โดยมีสินค้าวางจำหน่ายจากครีเอทเตอร์-ดีไซน์เนอร์ทั้งหมด 200 ราย และมีสินค้ากว่า 5,000 ชิ้น พร้อมกับตั้งเป้าในปีนี้จะมีครีเอทเตอร์-ดีไซน์เนอร์ เข้ามาร่วมงานกว่า 1,000 ราย และมีสินค้าจัดจำหน่ายกว่า 20,000 ขนิดสินค้า และเตรียมโซน PIXIPE ในร้าน B2S กว่า 30 สาขาทั่วประเทศไทย