นายชัชพล ประสพโชค กรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูเอซี โกลบอล (UAC) คาดว่ารายได้รวมปี 61 จะดีกว่าปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 1,800 ล้านบาท เนื่องจากการรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานประมาณ 250 ล้านบาท ส่วนในปีหน้าจะรับรู้รายได้ลงทุนในโครงการต่าง ๆ ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น
ขณะที่บริษัทตั้งงบลงทุนเพื่อการขยายธุรกิจข้างต้นในช่วง 3 ปี (ปี 60-63) ไว้ที่ระดับ 4,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยใช้เงินลงทุนปีละ 1,000 ล้านบาท ซึ่งรวมธุรกิจพลังงานด้วย โดยบริษัทตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 50 เมกะวัตต์ ในปี 63 ขณะที่ปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) อยู่ที่ราว 12 เมกะวัตต์ และมีการศึกษาการลงทุนโครงการพลังงานใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ที่ผ่านมาบริษัทเดินหน้าศึกษาและลงทุนโครงการพลังงานต่อเนื่อง และโรงงานผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าแม่แตง 2 เป็นหนึ่งในโครงการด้านธุรกิจพลังงานทดแทนที่บริษัทมุ่งเน้นพัฒนามาโดยตลอด ซึ่งการดำเนินการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพืชพลังงาน จะใช้หญ้าเนเปียร์ และข้าวโพดเป็นวัตถุดิบ เพื่อผลิตไฟฟ้า 1.5 เมกะวัตต์ และเริ่มผลิตไฟฟ้าและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แม่แตง ตั้งแต่ วันที่ 14 ก.ย.58 ซึ่งถือได้ว่าเป็นโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพจากพืชพลังงาน แห่งแรกในเขตภาคเหนือ
“บริษัทมีการสนับสนุนให้เกษตรกรในพื้นที่ปลูกหญ้าเนเปียร์เพื่อเพิ่มรายได้ ซึ่งหญ้าเนเปียร์เป็นพืชพลังงานที่โตเร็ว ให้ผลผลิตไร่สูง ทนแล้งและให้ผลผลิตตลอดทั้งปี เก็บเกี่ยวง่าย ปลูกครั้งเดียวสามารถเก็บเกี่ยวได้ถึง 6-7 ปี โดยสามารถตัดหญ้าใช้ประโยชน์ครั้งแรกหลังการปลูกประมาณ 75 วัน จากนั้นตัดทุก ๆ 45-60 วันและสามารถตัดได้ 4 ครั้งต่อปีเป็นอย่างน้อย ซึ่งผลผลิตจะตกประมาณ 40-60 ตันต่อไร่ต่อปี ส่วนข้าวโพด เป็นพืชชีวมวลอีกชนิดหนึ่งที่มีความเหมาะสมที่จะนำมา ผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานทดแทน ลดการสูญเสียทรัพยากร อีกทั้งยังช่วยลดการเผาพื้นที่เพาะปลูก ที่เป็นสาเหตุของปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ และยังช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรอีกด้วย"นายชัชพล กล่าว