นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ประเมินสัปดาห์นี้ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) จะซิกแซกขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,700-1,720 จุด โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง Fund Flow ต่างชาติที่พลิกเป็นซื่อสุทธิ (Net Buy) อีกครั้ง รวมถึงแรงซื้อดักงบการเงินไตรมาส 3/60 ที่จะทยอยประกาศตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ต.ค.เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ภาวะ Overbought ทางเทคนิคจะกดดันให้ดัชนีมีความผันผวน ทั้งนี้ แนะนำ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี อานิสงส์ราคาน้ำมันทรงตัวระดับสูง และคาดการณ์กำไรไตรมาส 3/60 เติบโต รวมถึงกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้อานิสงส์จากเงินบาทอ่อนค่าลง
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ GBS ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยหนุนจากการซื้อเก็งกำไรดักผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในช่วงไตรมาส 3/60 รวมถึงข่าวดีด้านเศรษฐกิจจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ขึ้นจาก 3.5% เป็น 3.8% ส่วนกระทรวงการคลังเตรียมปรับประมาณการขึ้นสู่ 3.8% ในเดือนต.ค.นี้เช่นกัน ขณะที่สภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของการส่งออกไทยปี 60 เป็นโตไม่ต่ำกว่า 6% จากเดิม 5% ส่วน Fund flow นักลงทุนต่างชาติในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเป็น Net Buy ราว 1 หมื่นล้านบาท
ส่วนปัจจัยที่ส่งผลเชิงลบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะนี้มาจาก การคาดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดงบดุลในเดือน ต.ค. เป็นต้นไป โดยลดวงเงินการถือครองตราสารหนี้ลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนจากปัจจุบันที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ด้วยการปล่อยให้ตราสารหนี้ครบกำหนดอายุโดยไม่มีการลงทุนใหม่ และราคาน้ำมันโลกปรับลงจากแนวโน้มกำลังผลิตของโอเปกสูงขึ้น หลังผลสำรวจของรอยเตอร์พบกำลังผลิตในเดือน ก.ย.ของโอเปก อยู่ที่ 32.86 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 50,000 บาร์เรลต่อวันและเหนือกว่าโควตาการผลิต
นอกจากนี้ ยังคงต้องจับตาในวันที่ 6 ต.ค. ได้แก่ รายงานนโยบายการเงินของ ธปท.และ สหรัฐประกาศตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ย.วันที่ 9 ต.ค. จีนจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือน ก.ย. อีกทั้งในสัปดาห์นี้ที่จะมีรายงานการ Preview งบไตรมาส 3/60 หุ้นกลุ่มธนาคารที่จะทยอยส่งภายใน 21 ต.ค.
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันมีความตึงเครียดและเหตุก่อการร้ายเกิดขึ้นในหลายภูมิภาค ส่งผลให้เกิดการเร่งสะสมอาวุธเพื่อป้องปรามภัยสงครามและการแบ่งแยกดินแดน ขณะที่ตัวเก็งผู้เข้ารับตำแหน่งประธานเฟดคนต่อไปคาดว่าจะมุ่งเน้นการใช้นโยบายการเงินตึงตัว ซึ่งผิดกับแนวการใช้มาตรการในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ค่าเงินสกุลหลักมีแนวโน้มจะผันผวนมากขึ้น
ดังนั้น นักลงทุนที่ซื้อขายทองคำในประเทศควรเก็งกำไรในรอบที่สั้นลงเพื่อลดผลกระทบจากค่าเงิน โดยฝ่ายวิจัยมีมุมมองต่อราคาทองคำโลกว่ากำลังเข้าสู่การรีบาวด์สู่ระดับ 1,290 ดอลลาร์ แต่ทิศทางหลักยังเป็นการสวิงของขาลงที่มี 1,240–1,260 ดอลลาร์ เป็นแนวพักตัวหลัก จึงแนะนำเน้นเทรดฝั่ง short เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น