นายธีรพัฒน์ จิรพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เชียงใหม่ริมดอย (CRD) กล่าวว่า บริษัทวางทิศทางธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะต่อจากนี้ หลังจากมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 พันล้านบาท และวางเป้าปีหน้าจะเติบโตเป็น 1.6-1.7 พันล้านบาท เนื่องจากยังมีงานใหม่ทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้น จากที่มีมูลค่างานในมือ (Backlog) ราว 1 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังราว 700-800 ล้านบาท และยังมีงานที่รอเซ็นสัญญาอีกจำนวนหนึ่ง
ขณะที่หลังจากที่บริษัทได้เข้าระดมทุนด้วยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้นและเข้าทำการซื้อขายวันแรกในวันนี้แล้ว จะทำให้บริษัทมีศักยภาพในการรับงานขนาดใหญ่ขึ้นสูงสุดเป็นราว 1 พันล้านบาท จากปัจจุบัน 500 ล้านบาท โดยเฉพาะงานภาครัฐที่ยังมีอีกเป็นจำนวนมากที่บริษัทพร้อมจะเข้าร่วมประมูล รวมทั้งจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้ดีในขณะนี้ก็เชื่อว่าจะทำให้ภาคเอกชนลงทุนทำโครงการใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกมาก
ดังนั้น บริษัทจึงเชื่อว่ามีโอกาสเป็นไปได้ที่รายได้จะสูงขึ้นเป็น 2-3 พันล้านบาทได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า จากการรับงานที่มีมูลค่าสูงขึ้น และมีเป้าหมายรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้เท่าเดิม
“การเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ นอกจากจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งทางด้านการเงินให้มากขึ้นแล้ว ยังช่วยส่งเสริมความน่าเชื่อถือของบริษัท และเพิ่มความไว้วางใจให้กับลูกค้าและพันธมิตรต่างๆ จากการเป็นบริษัทจดทะเบียนที่น่าเชื่อถือ โปร่งใส ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้ารับงานจากหน่วยงานราชการและบริษัทเอกชนได้ในอนาคต ขณะที่บริษัทยังมีสัดส่วนรายได้งานภาครัฐ 85% เนื่องจากมีรายได้ที่แน่นอน ส่วนที่เหลือจะเป็นงานภาคเอกชน โดยในปีนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างผลการดำเนินงานได้มากกว่าปีที่ผ่านมา"นายธีรพัฒน์ กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนงานในอนาคตที่จะศึกษาการทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากที่ดินเปล่าที่มีอยู่หลายแปลงในมือ โดยคาดว่าจะสามารถสรุปแผนงานได้ราวปี 61 ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ทั้งการพัฒนาโครงการด้วยตัวเองหากกำหนดแผนเป็นโครงการขนาดเล็ก หรือหากมีแผนพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ก็อาจจะดึงพันธมิตรเข้ามาร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทจะไม่ใช้เงินจากการเสนอขาย IPO แต่อาจจะตัดขายที่ดินบางส่วนเพื่อนำเงินมาใช้ลงทุนพัฒนาโครงการบนที่ดินที่เหลือ
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า CRD เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดกลางที่เป็นผู้นำนธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในเขตภารคเหนือตอนบน ที่มีโอกาสในธุรกิจ และพร้อมขยายตัวไปกับการเติบโตของประเทศ ด้วยความสามารถในการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ประกอบกับการรับงานที่หลากหลาย
CRD มีการบริการ 2 ประเภทหลัก ได้แก่ 1.รับเหมาก่อสร้างงานอาคารและสิ่งก่อสร้างทั่วไป ตั้งแต่บริการรับเหมาก่อสร้างงานวิศวกรรมโยธา งานสถาปัตยกรรม และงานระบบประกอบอาคาร ตามแบบที่ลูกค้ากำหนด และ 2.การรับเหมาก่อสร้างงานระบบสาธารณูปโภค อาทิ การรับเหมาก่อสร้างและติดตั้งระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย ระบบประปา งานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูง (Sub Station) โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ งานปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้าเป็นสายเคเบิ้ลใต้ดิน เป็นต้น
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ APM กล่าวว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ตามนโยบายของภาครัฐที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโครงการต่อเนื่องอื่นๆ ควบคู่ไปกับการลงทุนของภาคเอกชนที่ขยายไปตามโครงการของภาครัฐนั้นจะยิ่งเป็นโอกาสให้ CRD มีการขยายขอบเขตการดำเนินงานได้อีกมาก