นายวันจักร บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าในปี 61 จะเป็นปีแรกที่มีการบันทึกกำไรจากบริษัทร่วมทุนกับ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) คือ บริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป จำกัด เข้ามาราว 800-1,000 ล้านบาท โดยจะมีโอน 3 โครงการที่จะโอนเข้ามาเพิ่มขึ้น มูลค่า 1.02 หมื่นล้านบาท จาก 3 โครงการ คือ เดอะไลน์ ราชเทวี, เดอะไลน์ อโศก-รัชดา, และเดอะ เบส การ์เด้น-พระราม 9 ซึ่งเป็นโครงการที่จะสร้างเสร็จใหม่และเริ่มทยอยโอนในปี 61
ประกอบกับ ยังมีการโอนโครงการเดอะไลน์ จตุจักร เข้ามาต่อเนื่อง คาดว่าจะสามารถโอนได้ครบในช่วงไตรมาส 1/61 มูลค่าราว 3 พันล้านบาท ต่อเนื่องจากตั้งแต่เดือน ก.ย.นี้ถึงสิ้นปีนี้ที่คาดว่าจะมีการโอนเข้ามาราว 3 พันล้านบาท
การเริ่มโอนโครงการ เดอะไลน์ จตุจักร-หมอชิต ในช่วงตั้งแต่เดือนก.ย.นี้ ไปจนถึงสิ้นปีนี้ จะส่งผลให้สนับสนุนให้บริษัทจะมีการบันทึกผลขาดทุนจากบริษัทร่วมทุนกับบีทีเอสเป็นปีสุดท้าย เพราะโครงการเดอะไลน์ จตุจักร-หมอชิต เป็นโครงการขนาดใหญ่มูลค่า 6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการแรกที่บริษัทและ BTS ได้ร่วมกันพัฒนา และสามารปิดการขายได้ในวันแรกที่เปิดจองไปเมื่อเดือน พ.ค.58
ความร่วมมือกันระหว่าง SIRI และ BTS ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 58-60) ได้มีการร่วมพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมไปแล้ว 9 โครงการ มูลค่ารวม 3.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่เตรียมเปิดตัวโครงการที่ 10 คือ เดอะไลน์ สาทร มูลค่า 4 พันล้านบาท คอนโดมิเนียมติดสถานีบีทีเอสสุรศักดิ์ กำหนดเปิดพรีเซลเดือนพ.ย.นี้ ราคาขายเริ่มต้น 7 ล้านบาท คาดว่าจะปิดการขายได้ทั้งหมด 100% ในวันช่วงพรีเซล จากทำเลของโครงการที่มีศักยภาพ และมีความต้องการจากลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ
โดยโครงการเดอะไลน์ สาทร จะเป็นโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทร่วมทุนโครงการสุดท้ายในปีนี้ จากทั้งหมด 3 โครงการ มูลค่ารวม 1.32 หมื่นล้านบาท คือ เดอะเบส เพชรเกษม, เดอะมอนูเม้นท์ สนามเป้า และเดอะไลน์ สาทร
บริษัทยั่งมั่นใจว่าการดำเนินงานของบริษัทร่วมทุน บริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป จำกัด จะเป็นไปตามแผนงาน 5 ปี (ปี 58-62) ที่จะมีการพัฒนาโครงการทั้งหมด 25 โครงการ มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งบริษัทได้มีการซื้อที่ดินที่เตรียมรองรับการพัฒนาทั้ง 25 โครงการพร้อมแล้ว
นายวันจักร กล่าวว่า ส่วนทิศทางของ SIRI ในไตรมาส 4/60 บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายที่กว่า 1.6 หมื่นล้านบาท พร้อมกับเตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 11 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 4 โครงการ และแนราบ 7 โครงการ และมั่นใจว่ายอดขายทั้งปีนี้จะเป็นไปตามเป้าที่ 4 หมื่นล้านบาท หลัง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัททำยอดขายได้แล้ว 2.4 หมื่นล้านบาท
บริษัทมองว่าไตรมาสสุดท้ายของทุกปีจะเป็นช่วงที่ลูกค้าตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยอย่างคึกคัก โดยเฉพาะในปีนี้ที่สัญญาณเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว และภาพรวมการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 60 คาดว่าจะเติบโตประมาณ 3-4% จากแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการใช้จ่ายในประเทศและภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจและตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น