นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) (TOA) ผู้นำสีทาอาคารในไทย เปิดเผยว่า บริษัทได้นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรกในวันที่ 10 ตุลาคม 2560 ใช้ชื่อย่อ "TOA" ในการซื้อขายบนกระดานหลักทรัพย์ฯ โดยมีความเชื่อมั่นว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่มั่นใจในพื้นฐานของบริษัท และศักยภาพในการขยายธุรกิจสีทั้งในและต่างประเทศ เช่นเดียวกับการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 507.6 ล้านหุ้น โดยบริษัท และผู้ถือหุ้นเดิม ในราคาหุ้นละ 24 บาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยในช่วงก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ TOA เป็นผู้ผลิตสีทาอาคารรายใหญ่ที่สุดในไทยเมื่อพิจารณาจากยอดขาย โดยข้อมูลจาก Frost & Sullivan (S) Pte. Ltd. ในปี 2559 บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศไทยประมาณร้อยละ 48.7 และส่วนแบ่งตลาดในภูมิภาคอาเซียนประมาณร้อยละ 13.0
อย่างไรก็ตาม บริษัทวางแผนสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำตลาดสีในภูมิภาคอาเซียน ปัจจุบันจึงอยู่ระหว่างการลงทุนก่อสร้างหรืออยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการในต่างประเทศอีก 3 แห่ง ซึ่งจะใช้เงินลงทุนรวม 1,184 ล้านบาท ได้แก่ โรงงานผลิตแห่งแรกในประเทศอินโดนีเซีย โรงงานผลิตในประเทศเมียนมา ซึ่งมีแผนจะย้ายโรงงานจากเมืองย่างกุ้งไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา และโรงงานผลิตในประเทศกัมพูชา คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 2/61 ไตรมาส 3/61 และไตรมาส 4/61 ตามลำดับ
โดยเมื่อโรงงานผลิตสีทั้ง 3 แห่งก่อสร้างแล้วเสร็จและดำเนินการตามแผนการปิดโรงงานย่างกุ้ง ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในต้นปี 2562 นั้น TOA จะมีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็น 102.5 ล้านแกลลอน/ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 88.0 ล้านแกลลอน/ปี ไม่รวมกำลังการผลิตของ TOA Skim Coat (Cambodia) Co., Ltd. ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานผลิต 8 แห่ง ใน 6 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย 3 แห่ง และเวียดนาม สปป.ลาว มาเลเซีย เมียนมา และกัมพูชา ประเทศละ 1 แห่ง
“การลงทุนขยายโรงงานผลิตสีในต่างประเทศ จะทำให้ TOA มีขีดความสามารถในการแข่งขันในแต่ละประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากสีเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหนักมากจึงมีต้นทุนค่าขนส่งค่อนข้างสูง ดังนั้นบริษัทจึงตัดสินใจลงทุนขยายโรงงานในภูมิภาคอาเซียน เพื่อสอดรับกับการวางยุทธศาสตร์ที่ต้องการเป็นผู้นำตลาดสีในภูมิภาคนี้"นายจตุภัทร์ กล่าว
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า TOA เป็นบริษัทสีของคนไทยที่สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในประเทศได้สูงสุดท่ามกลางการแข่งขันกับผู้ประกอบการต่างชาติ โดยมีจุดแข็งด้านแบรนด์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมความพร้อมด้านฐานการผลิต รวมถึงมีทีมผู้บริหารและบุคลากรที่มีประสบการณ์สูง โดยหลังจากเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะยิ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและเพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินยิ่งขึ้น รวมถึงส่งผลดีต่อการขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า TOA เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสีและสารเคลือบผิวชั้นนำของไทยที่มีศักยภาพในการเติบโตที่ดี โดยมีการวางยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการขยายธุรกิจจากประเทศไทยไปยังภูมิภาคอาเซียน ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มที่ความต้องการใช้สีจะเพิ่มขึ้นในอนาคตจากปัจจัยสนับสนุนด้านอุตสาหกรรมก่อสร้างและการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในแต่ละประเทศ จึงเชื่อว่า TOA จะเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน