นายนัตดา บุรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ กล่าวว่า หลังจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ปลดธงแดงเมื่อ 6 ต.ค.นี้ สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์จะมีการประชุมหารือภายในองค์กร ว่าจะเลือกเปิดเส้นทางบินหรือเพิ่มเที่ยวบินใหม่ไปจุดบินไหนบ้าง เพราะต้องใช้เวลาเตรียมตัวทั้งการเตรียมเครื่องบินเพื่อรองรับเที่ยวบินใหม่ คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 เดือนนี้ โดยปัจจุบัน ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์มีแผนรับมอบเครื่องบินแอร์บัส เอ 330-300 อีก 3-4 ลำในปี 61 แต่อาจจะต้องส่งคำยืนยันรับมอบเครื่องบินอีกที
“หลังจากที่ กพท.แถลงเรื่อง ICAO ปลดธงแดงอย่างเป็นทางการ หลังจากนี้ก็จะคุยกันภายในบริษัทเพื่อหารือถึงสัดส่วนระหว่างผู้โดยสารขาเข้า (Inbound) และขาออก (Outbound) รวมถึงการขยายเที่ยวบิน การหาเครืองบิน พอสรุปเสร็จ คาดว่าจะดำเนินการได้เร็วสุดภายใน 6 เดือนนับจากนี้ โดยไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ไม่รีบร้อนที่จะขยายทั้งการเพิ่มเครื่องบินและกำลังคน เพราะต้องการค่อยๆ เติบโตมากกว่า"นายนัดดา กล่าว
ส่วนการแข่งขันของอุตสาหกรรมสายการบินหลังจากไทยได้รับการปลดธงแดงนั้น นายนัดดา เชื่อว่าการแข่งขันต้องรุนแรงมากขึ้นแน่นอน แต่ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ก็มั่นใจเรื่องมาตรฐานการบิน รวมถึงความสะดวกสบายของการใช้สายการบินแอร์เอเชียเอ็กซ์ รวมถึงราคา ซึ่งปีนี้ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ได้ดำเนินกิจการมาเป็นปีที่ 4 แล้ว และคาดว่าจะมีผลกำไรมากกว่าปีที่แล้ว
ปัจจุบัน ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์มี 4 เส้นทางบินจากไทย ได้แก่ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) สู่โตเกียว (นาริตะ) 2 เที่ยวบินต่อวัน, โอซาก้า (คันไซ) ล่าสุดเพิ่งเพิ่มเที่ยวบินเป็นวันละ 2 เที่ยว, โซล (อินชอน) 3 เที่ยวบินต่อวัน และเซี่ยงไฮ้ 1 เที่ยวบินต่อวัน โดยทุกเส้นทางมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) ในระดับที่ดี เฉลี่ย 85% และทำให้เครื่องบินที่ปัจจุบันใช้อยู่ 6 ลำ สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพประมาณ 6 ชั่วโมงต่อลำต่อวัน