บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการรผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร ระยะที่ 2 ล่าสุดนั้นบริษัทได้ร่วมลงนามในพิธีลงนามสัญญาร่วมลงทุนให้สิทธิขายไฟฟ้าตามโครงการโซลาร์ฟาร์ม กับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) เมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถเข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้ภายในเดือนมี.ค.61 และคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในไตรมาสที่ 4/61 ด้วยอัตรารับซื้อไฟฟ้าที่ 4.12 บาท/หน่วย เป็นระยะเวลา 25 ปี
โครงการโซลาร์ฟาร์ม ที่กลุ่มบริษัทร่วมกับอผศ. มีทั้งสิ้น 1 โครงการ ดำเนินการภายใต้บริษัทย่อยคือ บริษัท เสริมสร้าง โซลาร์ จำกัด (SS) ขนาดกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ (MW) ตั้งอยู่ในจ.ราชบุรี จะใช้เทคโนโลยีกระบวนการผลิตไฟฟ้าด้วยแผงพลังงานแสงอาทิตย์หรือโฟโตโวลตาอิคส์ (Photovoltaic) เช่นเดียวกันกับโครงการเสริมสร้าง โซลาร์ ในประเทศไทย
สำหรับโครงการโซลาร์ฟาร์ม อผศ. ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างนั้น โดยกลุ่มบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้รับเหมาและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยมีนโยบายให้โครงการดังกล่าวได้รับการรับประกันที่เกี่ยวข้องกับการผลิตกระแสไฟฟ้าในลักษณะเดียวกันกับที่กลุ่มบริษัทได้รับอยู่ ณ ปัจจุบัน หรือเทียบเท่ากับมาตรฐานทั่วไปในอุตสาหกรรม
ปัจจุบัน SSP มีโครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศอยู่แล้ว 1 โครงการ คือโครงการเสริมสร้าง โซลาร์ ตั้งอยู่ในจ.ลพบุรี เริ่ม COD ตั้งแต่เดือนก.พ.58 ดำเนินการโดยบริษัท เสริมสร้างพลังงาน จำกัด (SPN) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย มีกำลังการผลิตติดตั้ง 52 เมกะวัตต์ โดยเป็นปริมาณไฟฟ้าที่เสนอขายตามสัญญา 40 เมกะวัตต์ กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยสัญญาซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าวเป็นสัญญาประเภท Non-Firm มีอายุสัญญา 5 ปี และสามารถต่ออายุสัญญาได้คราวละ 5 ปี เมื่อครบกำหนดอายุสัญญา ซึ่งได้ส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในอัตรา 6.5 บาท/หน่วย เป็นระยะเวลา 10 ปี ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทมีนโยบายที่จะต่ออายุสัญญาเมื่อครบกำหนด 5 ปี จนสิ้นอายุโครงการ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วโครงการมีอายุประมาณ 25 ปี
นอกจากนี้ SSP ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นอีก 5 โครงการ มีปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่เสนอขายตามสัญญารวมทั้งสิ้น 93 เมกะวัตต์ โดยโครงการทั้งอยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งดำเนินการผ่านบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้น สำหรับทั้ง 5 โครงการ ได้แก่ โครงการฮิดะกะ, โครงการยามากะ1, โครงการโซเอ็น, โครงการลีโอ และ โครงการยามากะ2 โดยบริษัทมีเป้าหมายในการเป็นผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีระดับสากลในการพัฒนาโครงการ เพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่สะอาด ยั่งยืน และสร้างผลประโยชน์สูงสุดต่อสังคม