(เพิ่มเติม) KTC ปรับโฉมโมบายแอพฯ"TapKTC"หวังใช้เป็นช่องทำกิจกรรมเชิงรุกตั้งเป้าผู้ใช้งานเพิ่ม 1.5 ล้านรายปี 61

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 10, 2017 17:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธศพงษ์ รังควร ผู้อำนวยการ-ธุรกิจบัตรเครดิต บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) กล่าวว่า บริษัทได้ปรับโฉมโมบายแอพพลิเคชัน “TapKTC" ใหม่ เพื่อรองรับกับเทรนด์ของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับไว ชู 3 เรื่องหลัก คือ ใช้ง่าย เสถียร และปลอดภัย ด้วยการเพิ่มฟังก์ชันใช้งานที่ตอบโจทย์สมาชิกทั่วประเทศให้ได้รับประสบการณ์ที่ดี (Customer Experience) ซึ่งนอกจากจะมีการดีไซน์ที่ทันสมัยแล้ว ยังเน้นการใช้งานที่สะดวกและสบายตากับฟีเจอร์จำเป็นที่สมาชิกเลือกได้เอง โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านรายภายในปี 61

บริษัทยังเพิ่มความปลอดภัยระดับสูงสุดให้สมาชิกมั่นใจมากยิ่งขึ้น ด้วยทางเลือกในการยืนยันตัวตนหรืออัตลักษณ์ (Biometrics) นอกเหนือจากการใช้รหัส (Pin) ที่เพิ่มความปลอดภัยด้วยแป้นพิมพ์ไดนามิค (Dynamic Keyboard) ในการล็อคอินเข้าใช้บริการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำรายการธุรกรรมการเงินผ่านโมบาย แอพฯ “TapKTC" ทั้งการสแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint) และใหม่ล่าสุดกับเทคโนโลยีการสแกนม่านตา (Iris) กับบริการซัมซุง พาส (Samsung Pass) ซึ่งบริษัทนับเป็นสถาบันการเงิน รายแรกและรายเดียวของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และที่ 3 ของโลกที่เริ่มใช้เทคโนโลยีนี้

"นับจากไตรมาส 4/60 ต่อเนื่องถึงปี 61 “TapKTC" จะเป็นช่องทางสำคัญในการทำกิจกรรมการตลาดเชิงรุกเข้าถึงสมาชิกที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งเราเชื่อว่า “TapKTC" เป็นโมบายแอพพลิเคชันที่ดีที่สุดของวงการบัตรเครดิตในขณะนี้"นายธศพงษ์ กล่าว

นายธศพงษ์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ามีจำนวนผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่น “TapKTC" ภายในเดือน ก.ค.61 เพิ่มเป็น 2 ล้านราย จากปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั้งหมด 5-6 แสนราย โดยจะทำการอัพเดทฟังก์ชั่นการใช้งานบนแอพพลิเคชั่นทุก ๆ 3 เดือน เพื่อเพิ่มระบบการใช้งานในรูปแบบใหม่ ๆ ซึ่งปัจจุบันยังมีบางฟังก์ชั่นการใช้งานที่อยู่ระหว่างการทดลองในแซนด์บ๊อกซ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เช่น ระบบการชำระผ่านบัตรด้วยการสแกน QR Code และการยืนยันตนผ่านด้วยสแกนม่านตา ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดให้ใช้กับลูกค้าทั่วไปได้ภายในม.ค.61

อีกทั้งในเร็ว ๆ นี้บริษัทจะเปิดการให้สิทธิพิเศษผ่านการดาวน์โหลดคูปองบนแอพพลิเคชั่นกับลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าหันมาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลรวมทั้งสิ้น 3 ล้านราย ซึ่งบริษัทคาดหวังอยากให้ลูกค้าทั้งหมดหันมาใช้แอพพลิเคชั่นดังกล่าวทุกคน นอกจากนี้ บริษัทยังพัฒนาความสามารถในด้านการแจ้งเตือนวันกำหนดชำระค่าบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งบริษัทมองว่าฟังก์ชั่นดังกล่าวจะสามารถช่วยลดหนี้เสียให้ลดลงได้ เพราะระบบการแจ้งเตือนสามารถกำหนดชำระล่วงหน้า 7 วันก่อนครบกำหนดวันชำระเงิน

ด้านภาพภาพรวมธุรกิจบัตรเครดิตของบริษัทในปัจจุบันถือว่ายังมีทิศทางการเติบโตที่ดีในทุกหมวดการใช้จ่าย ซึ่งคาดว่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรจะเป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ที่ 15% แต่อย่างไรก็ตามรายละเอียดต่าง ๆ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในตอนนี้ เพราะบริษัทจะแจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 ในวันที่ 17 ต.ค.นี้ โดย ณ สิ้นเดือนมิ.ย.60 บริษัทมีจำนวนบัตรเครดิตทั้งสิ้น 2.18 ล้านบัตร มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโต 6.8% สูงกว่าอุตสาหกรรมที่เติบโต 2.7% และมีสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 1.2%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ