น.ส.ศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า ในช่วง9 เดือนแรกของปี 60 กองทุนหุ้นภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นขึ้นแท่นอันดับ1 ทั้งในกลุ่มกองทุนหุ้นทั่วไป กลุ่มกองทุนหุ้นขนาดกลาง – เล็ก และกลุ่มกองทุน LTF"
จากข้อมูลการจัดอันดับผลการดำเนินงานของอุตสาหกรรมกองทุนรวมโดยมอร์นิ่งสตาร์ไทยแลนด์เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น พบว่ากองทุนหุ้นทั่วไปที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นไดนามิคปันผล (KFDNM-D) กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นไดนามิค (KFDYNAMIC) และกองทุนเปิดกรุงศรีไฟแนนเชี่ยลโฟกัสปันผล(KFFIN-D) โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 9 เดือนแรกของปี 60 ที่ 30.5% 30.26% และ 27.89% ตามลำดับ สูงกว่าดัชนีชี้วัดที่ 11.70%
ในส่วนของกลุ่มกองทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็กนั้น กองทุนเปิดกรุงศรีไทยสมอล –มิดแคปอิควิตี้ (KFTHAISM) สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงสุดเป็นอันดับที่ 1 ของกลุ่มกองทุน โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 9 เดือนแรกของปี 60 ที่ 20.65% สูงกว่าดัชนีชี้วัดที่ 11.70%
สำหรับกองทุน LTF ที่ติดอันดับกลุ่มกองทุนที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุด 3 อันดับแรก ประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวแอ็คทีฟ SET50 ปันผล (KFLTFA50-D) กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวอิควิตี้ (KFLTFEQ) และกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวไทยสมอล-มิดแคปปันผล (KFLTFTSM-D) โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 9 เดือนแรกของปี 2560 ที่ 18.43% 17.86% และ 17.36% ตามลำดับ สูงกว่าดัชนีชี้วัดที่ 11.70% ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวข้างต้นมีความเสี่ยงระดับ 6 :เสี่ยงสูง" (ที่มา :Morningstar Thailand ณ 30 ก.ย.60/ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต)
“ผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่าประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทีมผู้จัดการกองทุนที่บริหารกองทุนหุ้นมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับหลักการในการคัดเลือกหุ้นที่มีมาตรฐานและกลยุทธ์การบริหารแบบ Bottom Up วิเคราะห์เจาะลึกในด้านมูลค่าที่แท้จริงของหลักทรัพย์ รวมทั้งการปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะกับแต่ละภาวะตลาด ส่งผลให้กองทุนสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีและได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารกองทุนหุ้นรวมกันกว่า 100,000 ล้านบาท (ที่มา:บลจ.กรุงศรี ณ 30 ก.ย. 60) อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของการบริหารกองทุนไม่ได้อยู่ที่การสร้างผลตอบแทนสูงที่สุดเพียงช่วงสั้นๆ แต่เป็นการรักษามาตรฐานในการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอในระยะยาวภายใต้ระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม" น.ส.ศิริพร กล่าว