นายโชคชัย ปัญญายงค์ ประธานกรรมการ บริษัท สายการบินนกสกู๊ต จำกัด รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า จากการที่องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ได้ถอดรายชื่อประเทศไทยออกจากรายชื่อประเทศที่มีความเสี่ยงต่อภัยด้านการบินถือเป็นนิมิตหมายอันดีของอุตสาหกรรมการบินและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยในภาพรวม ซึ่งจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวและผู้โดยสารที่จะเดินทางมาประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สายการบินนกสกู๊ตเตรียมแผนขยายฝูงบินและเครือข่ายเส้นทางการบิน โดยมีกำหนดรับมอบเครื่องบินเพิ่มภายใน 6 เดือนข้างหน้า รวมทั้งการเปิดเส้นทางบินใหม่จากสนามบินดอนเมืองไปยังประเทศจีน อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลี
นายโชคชัย กล่าวว่า สายการบินนกสกู๊ดจะมีการรับมอบเครื่องบินรุ่นโบอิ้ง 777-200 ลำที่ 4 ของสายการบินในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งจะทำให้สายการบินสามารถเพิ่มความถี่เที่ยวบินในเส้นทางเทียนจิน ชิงเต่า และเสิ่นหยาง รวมถึงการเปิดเส้นทางบินใหม่ไปยังซีอาน (XIY) ประเทศจีน
นอกจากนี้ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2561 จะมีการรับมอบเครื่องบินรุ่นโบอิ้ง 777-200 เพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 1 ลำ รวมถึงการเปิดเส้นทางบินใหม่ไปยังโตเกียว (NRT) และโซล (ICN) ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
"หากการขยายเส้นทางบินใหม่เป็นไปตามแผนที่กำหนด สายการบินนกสกู๊ตคาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 การเติบโตดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย ด้วยการเพิ่มทางเลือกที่คุ้มค่าและน่าประทับใจในการเดินทางให้กับคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ"ประธานกรรมการ สายการบินนกสกู๊ด กล่าว
สายการบินนกสกู๊ต เริ่มให้บริการเที่ยวบินแบบประจำ (Scheduled Flight) ในเดือนพฤษภาคม ปี 2557 โดยในปัจจุบัน ให้บริการใน 6 เส้นทางบิน ประกอบด้วย เมืองนานกิง ชิงเต่า ต้าเหลียน เทียนจิน และเสิ่นหยาง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน คาดว่าเมื่อสิ้นสุดปี 2560 จะมีจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งสิ้นกว่า 1,100,000 คน