นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สกาย ไอซีที (SKY) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" ว่า บริษัทมั่นใจปีนี้จะยังมีกำไรสุทธิ แม้ในช่วงครึ่งแรกจะมีผลขาดทุนสุทธิ 5.57 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่ารายได้ทั้งปีจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 70% จากระดับ 316.75 ล้านบาทในปีก่อน หลังรับรู้รายได้การขายสินค้าเข้าโครงการรับเหมาด้านไอซีที และโครงการต่างๆ เพิ่มเติม
"แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกผลประกอบการโดยรวมของเราจะไม่ดีนัก เนื่องจากช่วงนั้นเราอยู่ระหว่างการปรับองค์กรใหม่ทำให้เหมือนกับเราใส่เกียร์ว่างไม่ทำอะไรเลยหลังจากที่มีผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่เข้ามา แต่เราจะเห็นผลประกอบการเป็นบวกตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/60 เป็นต้นไป และในช่วงไตรมาส 4/60 จะมีการรับรู้รายได้จากงานโครงการบางส่วน และงานขายสินค้าสำหรับโครงการอื่น ๆ ที่บริษัทไม่ได้เข้าประมูลด้วย ซึ่งเรายังคงมั่นใจว่าผลประกอบการทั้งปีจะดีกว่าปีก่อน และเป็นบวกอย่างแน่นอน"นายสิทธิเดช กล่าว
นายสิทธิเดช กล่าวว่า แผนธุรกิจปัจจุบันบริษัทได้ร่วมกับ บริษัท เอพี แมนเนจเม้นท์ จำกัด จัดตั้งกิจการร่วมลงทุนสกาย-เอพี (SKY-AP Consortium) รับงานโครงการจ้างผู้ให้บริการรถเข็นกระเป๋า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะเวลา 7 ปี มูลค่า 879.03 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มรับรู้ตั้งแต่ช่วงต้นปี 61 คาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาได้ภายในเดือนต.ค.นี้
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะได้เซ็นสัญญางานเพิ่มอีก 2 โครงการ คือ การประมูลงานกล้องวงจรปิดสำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 มูลค่า 434 ล้านบาท ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ บมจ.ล็อกซเล่ย์ (LOXLEY) โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงปลายปีนี้บางส่วน และโครงการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ ช่วงภาคกลางตอนล่างและใต้เสี่ยงภัย ที่ได้ร่วมกับ บริษัท ไฮมีเดีย เทคโนโลยี จำกัด ประมูลงานต่อจาก บมจ.กสท โทรคมนาคม (กสท.) ที่ได้งานมามูลค่า 438 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในเดือนนี้ และเริ่มรับรู้รายได้ภายในปีนี้บางส่วน
บริษัทยังเตรียมเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยจะเป็นการรับงานด้านโครงการรับเหมา ICT เป็นหลัก ซึ่งจะมีงานจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กระทรวงมหาดไทย บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) และอื่น ๆ ที่จะออกมาอย่างต่อเนื่อง มูลค่าราว 1,000 ล้านบาท
นายสิทธิเดช กล่าวว่า หลังจากมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้บริหารใหม่ก็ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 เดือน สำหรับการวางกลยุทธ์ต่าง ๆ ภายใต้การนำของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่และทีมบริหารใหม่ หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงแล้วเสร็จ บริษัทก็ยังคงดำเนินกิจการรูปแบบเดิม คือออกแบบและติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ระบบเครือข่าย เรียกว่าเป็นบริการติดตั้งแบบครบวงจร หรือ SI แต่มีการปรับเปลี่ยนการรับงานภาครัฐมากขึ้น โดยคาดว่าสัดส่วนจะเพิ่มขึ้นเป็น 90% ในอนาคต จากเดิมที่เป็นการรับงานจากภาคเอกชนเกือบทั้งหมด
นอกจากนี้ เพื่อที่จะให้บริษัทมีศักยภาพการเติบโตในอนาคตที่มากขึ้น ก็ยังมองหาการเข้าร่วมลงทุน และการเข้าซื้อกิจการใหม่ ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของบริษัท คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 61 จะมีอย่างน้อยอีก 2 กิจการที่จะเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพของธุรกิจ
SKY เดิมคือ บมจ.ซีซีเอ็น-เทค (CCN) ซึ่งทำธุรกิจจำหน่าย และวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลอดจนให้เช่าเครื่องพิมพ์และคอมพิวเตอร์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าองค์กร แต่ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหม่ตั้งแต่เดือนเม.ย. 60 โดยการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นหลัก และการบริหารงานโดยผู้บริหารกลุ่มใหม่ ทำให้บริษัทอยู่ระหว่างการจัดโครงสร้างและวางแผนธุรกิจ เพื่อรองรับการขยายฐานลูกค้าทั้งในภาครัฐและเอกชนในอนาคต ทำให้บริษัทมีรายได้รวมลดลง และค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการขาดทุน 5.97 ล้านบาทในไตรมาส 2/60
ทั้งนี้ งวด 6 เดือนแรกปีนี้สิ้นสุด 30 มิ.ย.60 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 5.57 ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 3.89 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 66.87 ล้านบาท ลดลง 49.74% จากระดับ 133.06 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน