โบรกฯเชียร์"ซื้อ"CRD ประเมินกำไรปี 60-61 โตต่อเนื่องมองรับเหมาช่วงขาขึ้น-โอกาสรับงานต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 12, 2017 14:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เชียงใหม่ริมดอย (CRD) หลังประเมินกำไรสุทธิปี 60-62 จะเติบโตตัวเลขสองหลัก ตามรายได้ที่ขยายตัวจากการทยอยรับรู้งานในมือ (Backlog) และตลาดรับเหมาก่อสร้างที่เป็นช่วงขาขึ้นจากงานภาครัฐที่มีออกมา ซึ่งจะช่วยหนุนให้ปริมาณงานภาคเอกชนฟื้นตัวตามไปด้วย จะทำให้ CRD มีโอกาสรับงานต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือซึ่ งมีศักยภาพในการเติบโตจากการลงทุนขนาดใหญ่ในอนาคต ตามแผนเร่งพัฒนาจังหวัดในกลุ่มภาคเหนือให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ขณะที่พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ CRD มีความเชี่ยวชาญมาก

ทั้งนี้ จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของกำไรตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีนี้เป็นต้นไป จากปริมาณงานในมือที่เกี่ยวกับด้านสาธารณูปโภคจะรับรู้รายได้เร่งตัวขึ้น ผนวกกับมีงานที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา และคาดหวังการรับงานเพิ่มอีกราว 600 ล้านบาทก็จะเป็นปัจจัยหนุนในระยะสั้นด้วย

พักเที่ยงราคาหุ้น CRD อยู่ที่ 1.49 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.06%

         โบรกเกอร์                   คำแนะนำ           ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
         ฟิลลิป (ประเทศไทย)              ซื้อ                2.30
         โนมูระ                         ซื้อ                1.70
         ฟินันแซียไซรัส                    ซื้อ                1.90
         โกลเบล็ก                       ซื้อ                2.08
         เคทีซิมีโก้                       ซื้อ                2.00
         ทรีนีตี้                          ซื้อ                2.18

นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตามแผนลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ เชื่อว่าจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นการลงทุนจากภาคเอกชนให้ฟื้นตัว ส่งผลให้ปริมาณงานรับเหมาก่อสร้างจะทยอยเข้ามาในระบบอีกครั้ง ทำให้บริษัทในกลุ่มรับเหมาช่วง 2-3 ปีข้างหน้ากำลังเป็นขาขึ้น ซึ่ง CRD ก็จะได้รับประโยชน์จากการที่มีความยืดหยุ่นที่สูง สามารถเข้าประมูลงานได้จากทั้งภาครัฐและเอกชน ช่วยหนุนการเติบโตของผลการดำเนินงานในอนาคต

ทั้งนี้ ประเมินทิศทางผลประกอบการของ CRD ในปี 61 จะมีรายได้ 1.83 พันล้านบาท เติบโต 20% จากปีนี้ และกำไรสุทธิ เติบโต 34% มาที่ระดับ 77 ล้านบาท โดยอัตรากำไรและการเติบโตของกำไรจะปรับตัวดีขึ้นตามปริมาณงานภาคเอกชนที่มีแนวโน้มฟื้นตัว ซึ่งจะเห็นชัดเจนในช่วงปี 62-63 โดยยังไม่รวมงานภาครัฐที่จะมีออกมาอีกกว่า 5-6 พันล้านบาท/ปี ขณะที่ CRD มีโอกาสการได้รับงานใหม่ราว 20% ของงานที่ออกมาทั้งหมด จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้กำไรโตต่อเนื่องจากปัจจุบัน

นอกจากนี้ ระยะยาวนอกเหนือจากงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ภาคเหนือที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของ CRD แล้ว CRD ก็ยังมองหาโอกาสที่จะรับงานก่อสร้างจากภาครัฐเพิ่มเติมทั่วประเทศ ส่วนงานภาคเอกชนจะยังคงเน้นงานในภาคเหนือ ด้วยการบริการอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าก็จะเป็นจุดขายที่ดีของ CRD ในการเข้ารับงานโครงการใหม่ ๆ

ด้าน บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ โดยประเมินผลการดำเนินงานของ CRD ในปี 60 มีรายได้รวมราว 1.55 พันล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นที่ราว 9.1% และยังมีงานในมืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ปี 60 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 56 ล้านบาท เติบโต36.9% จากปีก่อน และคาดว่ากำไรปี 61 และปี 62 อยู่ที่ 84 ล้านบาท และ 97 ล้านบาทตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย(CAGR) ปี 60-62 ปีละ 30.87%

สำหรับ CRD มีจุดเด่นในการลงทุน จากการเป็นผู้นำในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในเขตภาคเหนือตอนบน การมีฐานลูกค้าที่มั่นคงทั้งภาครัฐและเอกชน สร้างความต่อเนื่องของรายได้ ตลอดจนมีศักยภาพในการรับงานรับเหมาก่อสร้างได้หลายประเภท ทั้งงานก่อสร้างอาคาร สิ่งปลูกสร้างทั่วไป และระบบงานสาธารณูปโภค สามารถลดการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่ง นอกจากนี้ยังเน้นคุณภาพงานก่อสร้างและการส่งมอบงานให้ทันตามกำหนดเวลา ด้วยการควบคุมงานอย่างใกล้ชิดโดยวิศวกรและทีมงานของบริษัท รวมทั้งมีการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพบุคลากร ทั้งภายในองค์กรและคู่ค้า เช่น ผู้รับเหมา และแรงงานให้ได้มาตรฐาน

บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ธุรกิจก่อสร้างที่กลับมาเป็นขาขึ้นจากการลงทุนภาครัฐ และภาคเอกชนที่เริ่มฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ ขณะที่ CRD ซึ่งมีจุดเด่นจากการเน้นคุณภาพงานก่อสร้างและการส่งมอบทันตามกำหนดนั้น และมีปริมาณงานในมือกว่า 1 พันล้านบาทในปีนี้ ก็จะช่วยผลักดันกำไรสุทธิปี 60 เติบโต 22% มาที่ 52 ล้านบาท จากรายได้รวมที่คาดโต 46% โดยทิศทางกำไรในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตต่อจากการทยอยรับรู้งานในมือที่มีอยู่ราว 55% ของทั้งหมด บวกกับงานที่อยู่ระหว่างเซ็นสัญญา และคาดหวังการรับงานเพิ่มอีกราว 600 ล้านบาท

นอกจากนี้ CRD ยังมีศักยภาพในการรับงานได้หลายประเภท ทั้งงานก่อสร้างอาคาร สิ่งปลูกสร้างทั่วไป และระบบงานสาธารณูปโภค โดยได้รับความเชื่อมั่น และไว้วางใจจากลูกค้าทั้งเอกชนและราชการ โดยการรับงานจากภาคเอกชน ส่วนใหญ่เกิดจากเจ้าของโครงการเชิญเข้าร่วมประมูลงาน ส่วนหน่วยงานราชการจะรับงานผ่านการประมูลงาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงานสาธารณูปโภค ซึ่งมีผู้เข้าประมูลน้อยราย ปัจจุบัน CRD มีกลยุทธ์ในการมุ่งเน้นการหางานเอกชนจากท้องถิ่นในเขตภาคเหนือ และหางานราชการในพื้นที่อื่น เพื่อขยายกลุ่มลูกค้า และให้บริการครอบคลุมหลากหลายพื้นที่ด้วย

ด้าน บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ CRD ในปี 60-61 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ เติบโต 23% และ 54% ตามลำดับ เนื่องจากมีจุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญในพื้นที่เขตภาคเหนือจากการดำเนินงานมานานกว่า 27 ปีสามารถรับงานได้หลากหลาย ขณะที่คาดการณ์รายได้รวมปี 60 จะเติบโตราว 43% มาที่ 1.51 พันล้านบาท ด้วยสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นราว 8.3% และอัตรากำไรสุทธิราว 3.5% ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 60 อยู่ที่ราว 52 ล้านบาท เติบโต 23% จากปีก่อน

โดยผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 60 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 14.24 ล้านบาท คิดเป็น 27% ของประมาณการทั้งปี ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะมากกว่าในช่วงครึ่งปีแรกจากความคืบหน้าของงานก่อสร้างที่สูงกว่าครึ่งปีแรก สำหรับปี 61 คาดรายได้จะเติบโตต่อเนื่องราว 16% เป็น 1.75 พันล้านบาท ด้วยสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับดีขึ้นเป็น 9.1% เนื่องจากสัดส่วนงานภาคเอกชนที่สูงขึ้น และคาดอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 4.6% ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 61 อยู่ที่ราว 80 ล้านบาท เติบโต 54%

ทั้งนี้ มองว่า CRD ได้ปัจจัยหนุนจากอุตสาหกรรมก่อสร้างในภาคเหนือมีศักยภาพในการเติบโต จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในอนาคต ประกอบกับการเร่งพัฒนาจังหวัดในกลุ่มภาคเหนือตอนบนที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ส่งผลให้การก่อสร้างภาคเอกชนมีแนวโน้มฟื้นตัวตามไปด้วยจากแผนพัฒนาที่ดินโดยรอบในเชิงพาณิชย์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ