นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญของสัปดาห์นี้ (16-20 ต.ค. 60) จะอยู่ที่กระแสเงินลงทุนของนักลงทุนทั้งต่างชาติและสถาบันในประเทศที่คาดว่าจะกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทย โดยได้ปัจจัยบวกหลักๆ คือการเมืองที่ส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจและกำไรของตลาด ซึ่งจากทิศทางของดัชนีฯ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงในทางบวกของตัวแปร คือ เรื่องการกำหนดเลือกตั้งที่ชัดเจนรวมถึงตลาดหุ้นไทยอยู่ในสภาวะที่ถูกให้น้ำหนักการลงทุนน้อย(Underweight) มาตั้งแต่ต้นปี แรงซื้อที่เข้ามาพร้อมๆกันในหุ้นหลายตัว (หุ้นที่บวกมากกว่า SET Index ประมาณ 9% มีถึง 30% ของตลาด) จึงดันให้ดัชนีวิ่งไปได้ไกล
ดังนั้น KTBST ประเมินจุดสูงสุดของดัชนีฯรอบนี้ ว่ามีโอกาสไปได้ถึง 1,758 จุด หรือคิดเป็น Forward P/E ของกำไรปีนี้หรือปีหน้าที่ 17.9 และ 16.5 ตามลำดับ ซึ่งจะใกล้เคียงกับเป้า SET Index ปี 61 ที่ KTBST ประเมินไว้ที่ 1,764 จุด แต่อาจมีการปรับเป้าดัชนีฯปีหน้าอีกครั้ง หากภาวะเศรษฐกิจ-การลงทุน เศรษฐกิจต่างประเทศ และกำไรตลาดนั้นดีกว่าที่คาดไว้ที่ 11%
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ มีน้ำหนักไม่มากนักประเด็นที่ควรให้ความสนใจ คือความคืบหน้าการเลือกประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ และกฎหมายภาษีของสหรัฐฯ ขณะที่ตัวเลข GDP ของจีนที่จะมีการประกาศในวันที่ 19 ต.ค. ถ้าตัวเลขออกมาดี จะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นอื่นๆด้วย (ผลสำรวจ Bloomberg 6.8% (ไตรมาส 2 =6.9%)
ดังนั้น ทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ คาดว่าแนวโน้มดัชนีฯยังมีโอกาสเดินหน้าต่อ แต่จะเป็นลักษณะการขึ้นสลับพักตัว โดยเป้าสูงสุดรอบนี้ KTBST คาดไว้ที่ 1,758 จุด ตัวแปรสำคัญ คือ การเมืองและกำไรของตลาดหุ้นที่ขยายตัวดี หรืออาจดีกว่าคาดในปี 61 ด้านตัวแปรต่างประเทศ ส่วนใหญ่แล้วเป็นบวกต่อตลาด โดยเฉพาะแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวดี แต่คงต้องจับตาดูสหรัฐฯ ทั้งเรื่องของกฎหมายภาษีและการเลือกประธานเฟดคนใหม่
"แรงส่งของ Fund Flow เพราะตลาด Laggard มานานยังมีต่อ เรายังคงแนะนำให้นักลงทุนถือหุ้นต่อไปได้ หรือเข้าซื้อเพิ่ม แต่ควรเลือกหุ้นที่ยังปรับตัวขึ้นมาไม่มากนักและเป็นหุ้นที่บวกจาก Fund Flow ไว้ก่อน คือต้องมีการซื้อแบบ เลือกเป็นรายตัว (selective buy) มากขึ้น และเปลี่ยนตัวจากหุ้นที่ขึ้นมามากไปเป็นหุ้นที่ขึ้นน้อยกว่า โดยหุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ได้แก่ SCC, SPALI, IVL, AMATA, JMT มองกรอบดัชนีสัปดาห์นี้ที่ 1,700-1,730 จุด" นายวิน กล่าว