นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1,705-1,719 จุด โดยหุ้นขนาดใหญ่ที่ติดแนวต้าน All time high อาจจะเจอแรงขายทำกำไรออกมาได้ แต่ก็อาจะได้รับแรงผลักดันจากหุ้นขนาดใหญ่ที่ยัง Underperform ตลาดฯ อย่างหุ้น SCC, หุ้นในกลุ่มแบงก์บางตัว รวมถึงหุ้นที่ยัง Laggard อยู่อาจเริ่มถูกผลักดัน
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกราว 0.2-0.8% ภายหลังจากภาพรวมยังเป็นบวกอยู่ โดยมองเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ดีขึ้น และการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯออกมา 2-3 บริษัทต่างก็ออกมาดีกว่าคาด
พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/60 ของกลุ่มแบงก์ในสัปดาห์นี้ ที่จะเริ่มมีงบฯของแบงก์ขนาดใหญ่ประกาศออกมา และให้ติดตามสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 ต.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,871.72 จุด เพิ่มขึ้น 30.71 จุด (+0.13%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,605.80 จุด เพิ่มขึ้น 14.29 จุด (+0.22%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,553.17 จุด ขยับขึ้น 2.24 จุด (+0.09%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 66.09 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.69 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 185.55 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 11.05 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 9.55 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.13 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.80 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 ต.ค.60) 1,712.48 จุด ลดลง 1.66 จุด (-0.10%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 506.34 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 ต.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 ต.ค.60) ปิดที่ระดับ 51.45 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ หรือ 1.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ต.ค.60) ที่ 7.16 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.05 แข็งค่าหลังมีแรงขายดอลล์ต่อเนื่อง มองกรอบวันนี้ 33.00-33.10
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เศรษฐกิจมหภาค ขณะนี้ดีที่สุดแล้วเทียบกับ 3 ปีที่ผ่านมา เหลืออยู่อย่างเดียวคือต้องเร่งดูแลผู้มีรายได้น้อย โดยเรื่องนี้เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องแก้ไข
- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีชี้รายได้เกษตรกรปีหน้านิ่ง กำลังซื้อเศรษฐกิจภูมิภาคยังไม่กลับ เหตุราคาสินค้าเกษตรสำคัญทรงตัว หวังรัฐเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
- อธิบดีกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ เผยขณะนี้กรมฯได้เตรียมความพร้อมการดูแลและตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าช่วงเทศกาลกินเจซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 20-28 ต.ค.60 โดยเฉพาะมาตรการดูแลราคาสินค้า ผักผลไม้ และวัตถุดิบต่างๆ ที่ใช้สำหรับทำอาหารเจเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาสขึ้นราคาจำหน่ายวัตถุดิบหรือปรับราคาจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จประเภทเจจนทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเบื้องต้นมั่นใจว่าปีนี้ ผักจะไม่มีปัญหาด้านราคาแน่นอน
- ผู้อำนวยการสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันเครือข่าย กระทรวงอุตสาหกรรม เผยสถานการณ์การผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (เดือน มกราคม-กรกฎาคม 2560) พบว่ามีค่าดัชนีผลผลิตเป็น 115.11 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.86%
*หุ้นเด่นวันนี้
- BCP (ไอร่า) เป้า 46 บาท คาดผลการดำเนินงานปี 60 มีกำไรสุทธิ 5,327 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% yoy หลักๆ จากผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงกลั่น ที่ค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นโดดเด่น และคาดจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/60 ตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่กำไรจากธุรกิจไฟฟ้าของ BCPG มีความสม่ำเสมอและการเติบโต นอกจากนี้ยังมีโอกาสเติบโตจากการเข้าสู่ธุรกิจเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์และเหมืองลิเทียมที่อาร์เจนติน่า และราคาหุ้นของ BCP ยัง laggard หุ้นในกลุ่มโรงกลั่นอื่น ๆ แม้แต่การเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น BCPG ซึ่ง BCP ถือหุ้นอยู่ 70.28% ก็ยังไม่สะท้อนในราคาหุ้นของ BCP โดยราคาปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ P/E เพียง 10.2 เท่า ขณะที่คาดเงินปันผลปี 60 ที่ 2.10 บาทต่อปี คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 5.3%
- SCC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อลงทุน"เป้า 610 บาท แนวโน้มกำไรปกติ 3Q60 ไม่น่าตื่นเต้น -2% Q-Q, +2% Y-Y แต่ถือว่าอยู่ในระดับสูงที่ 1.3 หมื่นล้านบาท ธุรกิจเคมีภัณฑ์น่าจะดีขึ้นเพราะไม่มีขาดทุนสต็อกเหมือนไตรมาสก่อน แต่ธุรกิจวัสดุก่อสร้างชะลอเพราะเป็น Low season แต่พื้นฐานระยะยาวยังแกร่ง กำไรทั้งปีนี้น่าจะใกล้เคียงปีก่อนที่สูงเป็นประวัติการณ์ 5.6 หมื่นล้านบาทและยังสามารถรักษาระดับนี้ได้ในปีหน้า PE ปัจจุบันต่ำเพียง 11 เท่า ราคาหุ้น laggard สุดในบรรดาหุ้น big cap.
- EPG (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 12.60 บาท ปี 60/61-61/62 คาดกำไรปกติโตเฉลี่ยปีละ 10.1% หนุนด้วยแผนเพิ่มกำลังการผลิตของฉนวนยางและอะไหล่ยานยนต์เพื่อรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าที่เพิ่มขึ้นบวกกับคาด TJM มีผลดำเนินงานดีขึ้นหลังพ้นช่วงปรับโครงสร้างและเริ่มกลับมาขยายสาขาในออสเตรเลียรวมทั้งคาดเห็นการฟื้นตัวของยอดขายบรรจุภัณฑ์จากบรรยากาศจับจ่ายในประเทศดีขึ้นหลังผ่านพ้นช่วงไว้อาลัย Upside 6.8% และคาดให้ Div. Yield ปีละ 2.7%
- BBL (กรุงศรี) แนะเก็งกำไรระยะสั้น มี Upside จากข่าวประกาศความร่วมมือทางธุรกิจกับ AIA เป็นระยะเวลา 15 ปี คาดว่า BBL น่าจะได้รับค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้ช่องทางเข้าถึงลูกค้าของธนาคารทั่วประเทศคล้ายกับกรณีของ TMB ซึ่งประเด็นนี้ยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการณ์