นายสันติ กีระนันทน์ ผู้แทนสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนตุลาคม 2560 “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ในภาวะร้อนแรงอย่างมากเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มเผยแพร่ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในเดือนมกราคม 2558 จากภาวะการเคลื่อนย้ายเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศ และความเชื่อมั่นตัวเลขการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทย ในเฉพาะภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว
โดยนักลงทุนยังคงเฝ้าติดตามปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ และนโยบายทางการเงินของสหรัฐ ที่ส่งผลถึงความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนและการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ
สำหรับตลาดหุ้นไทย ดัชนีฯมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากตลอดช่วงเดือนกันยายน” โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- ดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ธันวาคม 2560) อยู่ที่ 162.63 อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” (Very Bullish) (ช่วงค่าดัชนีระหว่าง 120 - 160) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 31.02% จากเดือนที่ผ่านมาที่ 124.13
- ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยกลุ่มบัญชีนักลงทุนต่างประเทศและกลุ่มสถาบันภายในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับร้อนแรงมาอยู่ที่ระดับร้อนแรงอย่างมาก กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์และกลุ่มนักลงทุนรายบุคคลปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับร้อนแรง
- หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM) ส่วนหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ (MEDIA) เป็นหมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด
- ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศขณะที่ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
“ภาวะการลงทุนในเดือนกันยายน ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากในช่วงต้นเดือนและเคลื่อนไหวทรงตัวในช่วงปลายเดือน โดยกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศยังคงมียอดซื้อสุทธิในเดือนกันยายน ซึ่งส่วนหนึ่งคาดว่ามาจากการปรับพอร์ตลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ นอกจากนี้การปรับคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศเพิ่มขึ้นของหน่วยงานหลายแห่ง เป็นปัจจัยหนุนต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน สำหรับภาวะการลงทุนทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นของสหรัฐมีการเคลื่อนไหวในทิศทางที่เพิ่มขึ้นโดยดัชนีฯมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง โดยมีปัจจัยหนุนจากแผนปฏิรูปภาษี ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจในยุโรป ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างประเทศในคาบสมุทรเกาหลียังเป็นปัจจัยที่นักลงทุนเฝ้าติดตาม”นายสันติ ระบุ