อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นไปทะลุระดับสถิติสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ในช่วงเดือน ม.ค.37 ที่ระดับ 1,789 จุด จะต้องได้รับปัจจัยหนุนจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนายกรัฐมนตรีจะต้องประกาศวันเลือกตั้งทั่วไปในช่วงเดือน มิ.ย. 61 และจัดการเลือกตั้งในเดือน พ.ย. 61 ซึ่งหากเรื่องดังกล่าวมีความชัดเจนมากขึ้น และเป็นไปตามแผนที่ประกาศไว้ จะเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยได้เป็นอย่างดี
สำหรับในช่วงที่เหลือของปีนี้ มองว่าอาจจะมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง เพราะดัชนีปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว แต่อย่างไรก็ตามยังเชื่อว่าระดับ 1,700 จุด ถือว่าเป็นจุดที่ค่อนข้างแข็งแรงที่ดัชนีจะยังยืนอยู่ได้ เนื่องจากการปรับขึ้นมาในครั้งนี้ราคาหุ้นไทยยังไม่ถือว่าไม่สูงมากนัก โดยมีระดับ P/E อยู่ที่กว่า 10 เท่า และมีโอกาสที่เงินทุนต่างชาติจะไหลเข้ามาได้อีก เพราะในช่วงที่ผ่านมากระแสเงินทุนไหลเข้าของนักลงทุนต่างชาติยังไม่เข้ามามากนัก และสภาพคล่องยังถือว่าล้นตลาดอยู่ แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มทยอยลดขนาดงบดุลลง แต่ทางธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สภาพคล่องโลกจะยังไม่ลดลงภายในระยะ 15 เดือน ต่อจากนี้
ด้านนายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ทาลิส กล่าวว่า ทิศทางของตลาดหุ้นไทยในปี 61 คาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,600-1,900 จุด บนระดับ P/E ที่ 15-18 เท่า โดยคาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะสามารถเติบโตได้ราว 10% จากปีนี้ที่คาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะอยู่ที่ 9.8-9.9 แสนล้านบาท โดยในปีหน้าคาดว่ากำไรต่อหุ้น (EPS) จะอยู่ที่ราว 110 บาท/หุ้น
"การปรับตัวขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทยยังมีความเป็นไปได้อีกมาก เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามก็ยังติดตามความตึงเครียดของคาบสมุทรเกาหลี ระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯซึ่งถือเป็นความเสี่ยงประเมิณได้ยาก ซึ่งแนะนำให้เลือกลงทุนในหุ้นที่มีกำไรเติบโตได้ในระยะยาว"นายประภาส กล่าว