นายวรวุฒิ ลีนานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) กล่าวว่า บริษัทเตรียมประกาศเข้าซื้อกิจการโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่นมากกว่า 1 ดีลภายในเดือน พ.ย.นี้ โดยเป็นกิจการที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) อยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยหนุนให้มี PPA เพิ่มขึ้นได้ทันที จากปัจจุบันที่บริษัทมีโรงไฟฟ้าในไทย,ลาว ,จีน และญี่ปุ่น ทั้งหมด 26 โครงการ กำลังการผลิตตามสัดส่วนร่วมทุน 2,686 เมกะวัตต์ โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/60 เป็นโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์แล้ว 14 โครงการ กำลังการผลิต 2,057 เมกะวัตต์ และจะทยอยจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ครบทั้งหมดภายในปี 63
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปี 60 คาดว่าจะทำได้ดีกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4.14 พันล้านบาท และมีรายได้จากการขาย 5.54 พันล้านบาท เนื่องจากโรงไฟฟ้าหงสาในลาวสามารถเดินเครื่องผลิตได้มีประสิทธิภาพดีขึ้น และมีกำลังผลิตไฟฟ้าที่เริ่ม COD ในปีนี้ทยอยเข้าระบบ แม้ว่าช่วงไตรมาส 3 และ 4 จะได้รับผลกระทบจากการหยุดซ่อมบำรุงบางยูนิตของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี และโรงไฟฟ้าหงสาก็ตาม
ส่วนความคืบหน้าในการเข้าซื้อกิจการหรือลงทุนเพิ่มในธุรกิจไฟฟ้านั้น การซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในอินโดนีเซียคาดว่าจะชัดเจนปลายปีนี้ ขณะที่การลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินและพลังงานทดแทนในเวียดนาม รวมถึงการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในลาวคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 61 ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากรัฐบาลเวียดนามและลาว เพื่อให้ศึกษาการลงทุนในโครงการดังกล่าว
นายวรวุฒิ กล่าวอีกว่า ส่วนการเข้าร่วมประมูลโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแบบ SPP Hybrid Firm ที่รัฐบาลจะเปิดรับซื้อจำนวน 300 เมกะวัตต์ โดยให้ยื่นข้อเสนอขอขายไฟฟ้าในวันที่ 16-20 ต.ค.นี้นั้น บริษัทก็ยังมีเวลาพิจารณาตัดสินใจว่าจะยื่นข้อเสนอหรือไม่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม โดยให้ความสนใจการลงทุนประเภทใช้เชื้อเพลิงชีวมวล หรือการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ควบคู่กับการใช้ระบบกักเก็บพลังงาน (energy storage)
อนึ่ง BPP มีเป้าหมายจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนร่วมทุนเพิ่มเป็น 4,300 เมกะวัตต์ ในปี 68 โดยในส่วนนี้ราว 20% หรือประมาณ 1,000 เมกะวัตต์จะมาจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในสัดส่วนราว 12%