โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) หลังมองผลการดำเนินงานจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/60 และต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4/60 จากการโอนโครงการใหม่ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมเข้ามา โดยคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 3/60 ที่เตรียมประกาศออกมาคาดว่าจะโดดเด่นมากที่สุด เพราะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการลดสัดส่วนการถือหุ้นใน บมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHBANK)
อย่างไรก็ตาม QH ยังคงเผชิญกับปัจจัยกดดันจากกลยุทธ์การระบายสต็อก ที่ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงต่ำกว่าระดับปกติในปีนี้ แต่จะส่งผลดีต่อทิศทางของอัตรากำไรขั้นต้นที่จะกลับมาฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ปี 61 เป็นต้นไป เพราะสต็อกลดลงส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงตาม
หุ้น QH ช่วงบ่ายอยู่ที่ 2.84 บาท ลดลง 0.06 บาท (-2.07%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.66%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) กรุงศรี ซื้อ 3.70 ไอร่า ซื้อ 3.10 ยูโอบี เคย์เฮียนฯ ซื้อ 3.10 เอเชีย เวลท์ ซื้อ 3.02 กสิกรไทย ซื้อ 3.00 นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น QH ราคาเป้าหมาย 3.02 บาท/หุ้น โดยคาดว่ายอดโอนในไตรมาส 3/60 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ จากการทยอยโอนหลายโครงการสร้างเสร็จใหม่ที่กระจุกตัวอยู่ในไตรมาสนี้ และ QH ยังคงเน้นการระบายสต็อกเพื่อทำให้มีรายได้เข้ามาและลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารให้ต่ำลง แต่อย่างไรก็ตามการกระบายสต็อกมีผลกดดันต่ออัตรากำไรขั้นต้น โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 28% ไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยเป็นระดับที่ต่ำกว่าในอดีตที่เคยมีค่าเฉลี่ย 29-30% อย่างไรก็ตาม มองว่ายังมีปัจจัยหนุนจากกำไรพิเศษที่เข้ามาจากการลดสัดส่วนการถือหุ้น LHBANK เหลือราว 21% ที่จะบันทึกเข้ามาในไตรมาส 3/60 ราว 900-1,000 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรพิเศษคาดว่าจะอยู่ที่ 770 ล้านบาท ทั้งนี้ QH มีแนวโน้มของผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในปี 61 เป็นต้นไป หลังจากปีนี้เป็นปีที่เพิ่งเริ่มปรับกลยุทธ์การดำเนินงานให้มีความเหมาะสมโดยเน้นระบายสต็อก และเน้นเปิดโครงการแนวราบ ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมจะเปิดเฉพาะทำเลที่มีศักยภาพในกรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตที่สดใสของผลการดำเนินงานในปีต่อๆไป ด้านนักวิเคราะห์บล.ไอร่า กล่าวว่า จากการคาดการณ์ผลการดำเนินงาน QH ในไตรมาส 3/60 ที่เตรียมประกาศออกมาจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/60 และเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการมีโครงการที่ทยอยโอนบันทึกเข้ามาเป็นรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นการโอนโครงการแนวราบเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งจะเห็นการเติบโตด้านรายได้มากขึ้นในไตรมาส 4/60 จากการที่มีโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ซึ่งสร้างเสร็จใหม่ มูลค่าราว 5.14 พันล้านบาท คาดว่าจะเห็นความโดดเด่นของผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/60 ที่น่าจะสูงกว่าไตรมาส 3/60 นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานของไตรมาส 3/60 ที่กำลังเตรียมประกาศออกมายังมีปัจจัยที่หนุนกำไรจากการบันทึกกำไรพิเศษของการลดสัดส่วนการถือหุ้น LHBANK ซึ่งคาดว่ากำไรจะโดดเด่นมากที่สุด แต่ QH ยังคงเผชิญกับปัจจัยกดดันของอัตรากำไรขั้นต้นที่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติหรือลดลงมาอยู่ที่ 28% จากการเน้นระบายสต็อก เพื่อทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง ซึ่งมองว่าในปีต่อไปจะเห็นการกลับมาเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรของ QH ในปี 60 เติบโต 9% หรือมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3.35 พันล้านบาท ขณะที่นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) มองว่า จากแนวโน้มของผลการดำเนินงานของ QH จะเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไรสุทธิที่จะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/60 ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4/60 แต่คาดว่ากำไรสุทธิจะโดดเด่นมากที่สุดในไตรมาส 3/60 จากการบันทึกกำไรพิเศษจากการลดสัดส่วนการถือหุ้นใน LHBANK ที่เข้ามาสนับสนุน ด้านรายได้คาดว่าในไตรมาส 4/60 จะมีความโดดเด่นมากที่สุด เพราะมีการโอนโครงการแนวราบใหม่และคอนโดมิเนียมใหม่ 2 โครงการเข้ามา โดยได้ปรับเพิ่มประมาณกำไรสุทธิในปีนี้อีก 14% หรือมาอยู่ที่ราว 3.5 พันล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยกดดันอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าอยู่ที่ระดับ 28% ต่ำกว่าปกติเล็กน้อย เพราะยังคงพยายามระบายสต็อก เพื่อทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงในอนาคต แต่คาดว่าจะเห็นอัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวขึ้นในปี 61 เป็นต้นไป