นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซี ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ (TITLE) เปิดเผยถึงผลการเปิดจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 2.20 บาท ระหว่างวันที่ 16-18 ต.ค.ผ่านมาว่ามีผู้สนใจจองซื้อหุ้นของ TITLE เข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในธุรกิจของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี
“ความสำเร็จเป็นอย่างมากในการเปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจที่นักลงทุนมีต่อหุ้น TITLE ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯที่แข็งแกร่ง ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ของหาดราไวย์ จ.ภูเก็ต ขณะที่มีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) โดดเด่นมากโดยในช่วง 3 ปีย้อนหลัง (2557-2559) มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 50 ซึ่งด้วยจุดเด่นดังกล่าวทำให้ TITLE ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ประกอบกับแนวโน้มของตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ต มีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก"นายชนะชัย กล่าว
นายสัมฤทธิ์ชัย ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ 5 บล.เออีซี กล่าวว่า สาเหตุที่ TITLE ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เพราะการกำหนดราคาขายไอพีโอที่ 2.20 บาทต่อหุ้นเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นในการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ทั่วไป โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นชาวต่างชาติหรือกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ ในแต่ละปีมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง
ผนวกกับการตกแต่งและดีไซน์ที่สามารถใช้งานได้ตรงกับความต้องการ บรรยากาศภายในโครงการร่มรื่น สไตล์รีสอร์ท จึงตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี โดยปัจจุบัน TITLE มีลูกค้าเป็นชาวต่างชาติประมาณกว่า 30 ประเทศทั่วโลก
ด้านนายเด่นดนัย หุตะจูฑะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TITLE เปิดเผยว่า เม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นเงินทุนในการพัฒนาโครงการ The Title Residencies Naiyang Phuket ภายในปี 60 และเพื่อใช้ในการซื้อที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการในอนาคต ภายในปี 61
"ผลจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้ชื่อเสียงของ TITLE เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้นและเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่บริษัท นอกจากนี้ ยังทำให้มีเม็ดเงินเพิ่มมากขึ้นสำหรับที่จะนำไปพัฒนาโครงการและซื้อที่ดินเพื่อรองรับโครงการในอนาคต ซึ่งจะสร้างการเติบโตของบริษัทฯ ได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป" นายเด่นดนัย กล่าว
นายศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว กรรมการบริหาร/กรรมการผู้จัดการ สายงานวางแผนและควบคุม TITLE กล่าวว่า แผนการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตของ TITLE มีมูลค่ารวมประมาณ 1,295 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นโอกาสทางธุรกิจในการขยายฐานรายได้และขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้น ซึ่งนับเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่จะทำให้บริษัทเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันได้มากขึ้นจากเงินทุนที่ได้รับมาทำให้มีความแข็งแกร่งทางการเงินและมีอำนาจในการต่อรองมากขึ้น รวมถึงมีโอกาสที่จะขยายตัวได้อย่างโดดเด่นทั้งในส่วนของรายได้และกำไร