CIMBT เผยงวด 9 เดือนกำไรหด 30.6% จากตั้งสำรองฯเพิ่มตามหนี้ NPL

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 19, 2017 11:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร สำหรับงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 60 มีรายได้จากการดำเนินงานจำนวน 9,838.6 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 145.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 59 สาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 3.6% และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ 21% ในขณะที่รายได้อื่นลดลง 32.8%

กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 0.6% เป็นจำนวน 4,406.5 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 2.3% อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิลดลงจำนวน 243.9 ล้านบาท หรือ 30.6% เป็นจำนวน 554.4 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันสาเหตุหลักเกิดจากสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 9.8% เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เมื่อเปรียบเทียบกับสิ้นงวดก.ย. 59

เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงาน 9 เดือนปี 60 และปี 59 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 266.7 ล้านบาท หรือ 3.6% เป็นผลจากการลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย 9.1% รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 254.0 ล้านบาท หรือ 21% มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนและรายได้ธุรกรรมเช่าซื้อ รายได้จากการดำเนินงานอื่นลดลง 375.5 ล้านบาท หรือ 32.8% เนื่องจากการลดลงของกำไรสุทธิจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศและกำไรสุทธิจากเงินลงทุน

ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจำนวน 120.9 ล้านบาท หรือ 2.3% สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับทรัพย์สินรอการขายสุทธิกับการลดลงของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารสถานที่และอุปกรณ์ และค่าภาษีอากร อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้ อยู่ที่ 55.2% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 59 อยู่ที่ 54.8% เป็นผลจากการลดลงของรายได้จากการดำเนินงานอื่น

ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการพิเศษที่เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ จำนวน 79.3 ล้านบาท ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 41.6 ล้านบาท หรือ 0.8% อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้จากการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 54.4% เทียบกับ 54.8% ในงวด 9 เดือนของปี 59 และอัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin – NIM) อยู่ที่ 3.88% จาก 3.76% เป็นผลจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ณ วันที่ 30 ก.ย. 60 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 210.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธ.ค.59 โดยกลุ่มธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท) จำนวน 212.0 พันล้านบาท ลดลง 5.1% จากสิ้นปี 59 ซึ่งมีจำนวน 223.5 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (the Modified Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 99.4% จาก 92.4% ณ วันที่ 31 ธ.ค. 59

สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ที่ 12.2 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น (NPL ratio) อยู่ที่ 5.7% ลดลงเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธ.ค.59 อยู่ที่ 6.1% มีสาเหตุหลักจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพในไตรมาส 1/60 ประกอบกับธนาคารมีมาตรการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และการบริหารคุณภาพสินทรัพย์รวมถึงการปรับปรุงกระบวนการในการเรียกเก็บหนี้ที่มีอยู่

อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 30 ก.ย. 60 อยู่ที่ 85.1% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 59 ซึ่งอยู่ที่ 77.3% ส่วนเงินสำรองของกลุ่มธนาคาร ณ วันที่ 30 ก.ย. 60 อยู่ที่ 10.3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 3.6 พันล้านบาท และเงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ สิ้นวันที่ 30 ก.ย. 60 มีจำนวน 43.8 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง 18% โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier-1) อยู่ที่ 12.7%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ