บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ จำกัด ระบุว่า เริ่มมีสัญญาณการปรับตัวในทิศทางบวกเพิ่มขึ้นสำหรับความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ในสินเชื่อกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME ของธนาคารพาณิชย์ไทย แต่อย่างไรก็ตามธนาคารพาณิชย์ไทยน่าจะยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงดังกล่าวต่อไปอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้า
ทั้งนี้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ (ซึ่งรวมถึงกิจกรรมในภาคธุรกิจบริการ) ในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้โดยรวมมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีกว่าคาดการณ์เล็กน้อย อีกทั้งธนาคารพาณิชย์ได้มีการเพิ่มความเข้มงวดในการพิจาณาสินเชื่อธุรกิจกลุ่มลูกค้า SME ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนได้จากอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่ลดลงและการใช้โครงการการค้ำประกันสินเชื่อจากหน่วยงานของภาครัฐมากขึ้น
สินเชื่อธุรกิจกลุ่มลูกค้า SME (ซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็น 39% ของสินเชื่อรวมของภาคธนาคารพาณิชย์) เป็นปัจจัยที่ทำให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของภาคธนาคารพาณิชย์ไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นของคุณภาพสินเชื่อกลุ่มลูกค้าธุรกิจ SME หรือการที่คุณภาพสินเชื่อมีแนวโน้มที่จะทรงตัว น่าจะส่งผลกระทบในเชิงบวกต่อคุณภาพสินทรัพย์โดยรวม ซึ่งจะช่วยให้ค่าใช้จ่ายการสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญปรับตัวลดลงและช่วยให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของภาคธนาคารพาณิชย์กลับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจไทยยังคงมีความไม่ชัดเจนดังนั้นจึงยังคงมีความเสี่ยงต่อเนื่อง ดั้งนั้นความล่าช้าของการฟื้นตัวและการชะลอตัวของเศษฐกิจที่รุนแรงและต่อเนื่อง สามารถส่งผลให้ความเสี่ยงในด้านคุณภาพสินทรัพย์รอบใหม่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากภาคธุรกิจ SME ส่วนใหญ่มีความอ่อนไหวต่อภาวะธุรกิจที่ชะลอตัว อีกทั้งยังมีฐานะและความยืดหยุ่นทางการเงินที่อ่อนแอกว่าเมื่อเทียบกับภาคธุรกิจขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นกรณีพื้นฐาน (base case) ของฟิทช์ ทั้งนี้ฟิทช์คาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2560 และ 2561 น่าจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างจะมีเสถียรภาพ