ตลาดหุ้นไทยภาคบ่ายปรับตัวลงแรงไปกว่า 20 จุดหลังจากดัชนีไหลลงหลุดระดับแนวรับสำคัญที่ 1,700 จุด เป็นแรงขายต่อเนื่องจากวานนี้ นำโดยหุ้น Big Cap ได้แก่ AOT, SCC, PTT, PTTGC เป็นต้น
เมื่อเวลา 14.57 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,697.47 จุด ลดลง 10.06 จุด (-0.59%)
และ เมื่อเวลา 15.24 น.ดัชนี SET อยู่ที่ 1,686.76 จุด ลดลง 20.77 จุด (-1.22%)
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายนี้ปรับตัวลงเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างก็ปรับตัวลง โดยเฉพาะตลาดหุ้นฮ่องกงลงแรง มองว่าเป็นการปรับฐานหลังจากขึ้นไปมากแล้ว ส่วนตลาดหุ้นในยุโรปก็ติดลบ อันเนื่องมาจากความกังวลสถานการณ์ทางการเมืองในสเปนเกี่ยวกับการแยกตัวของแคว้นกาตาลุญญา
โดยตลาดหุ้นไทยนับตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นไปกว่า 140 จุด การปรับฐานในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งก็ยังมองโอกาสที่จะสะสมหุ้นได้ พร้อมให้แนวรับ 1,685-1,690 จุด ส่วนแนวต้าน 1,700-1,710 จุด
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนี SET ที่ปรับตัวลงแรงต่อเนื่องในภาคบ่ายเกิดจากแรงขายทำกำไร หลังจากตลาดปรับขึ้นไปมากแล้วตั้งแต่นายกรัฐมนตรีออกมาระบุความชัดเจนในการเลือกตั้งปลายปี 61 ทำให้ดัชนี SET ปรับเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และตอนนี้เริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมา โดยคาดว่าส่วนหนึ่งเกิดจากแรงขายของนักลงทุนสถาบันในประเทศ
อีกทั้งคาดว่าจะเกิดจากการชะลอการลงทุนเพื่อรอดูปัจจัยใหม่จากต่างประเทศ โดยเฉพาะปัจจัยในสหรัฐฯเกี่ยกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย การดำเนินโยบายทางการเงินของธนาคารกลางในประเทศหลักอื่นๆ เช่น ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เป็นต้น ที่จะมีผลต่อสภาพคล่องของตลาด ซึ่งหากการดำเนินนโยบายทางการเงินมีความเช้มงวดมากขึ้น อาจจะทำให้สภาพคล่องในตลาดลดลง และมีผลกดดันต่อตลาดหุ้นได้ ขณะเดียวกันตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียภาคบ่ายมีการปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นไทย
ล่าสุด เวลา 15.56 ดัชนี SET อยู่ที่ 1,685.40 จุด ลดลง 22.13 จุด (-1.30%)