นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) กับ Securities and Exchange Commission of Myanmar เพื่อถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ด้านการกำกับและพัฒนาตลาดทุนให้แก่เมียนมา ตลอดจนสร้างความร่วมมือระหว่างองค์กร เพื่อปูทางไปสู่การเชื่อมโยงตลาดทุนและการทำธุรกรรมด้านตลาดทุนระหว่างไทยและเมียนมาในอนาคต
โดยถือเป็น MOU ฉบับแรกที่ ก.ล.ต. เมียนมา ลงนามกับหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนในภูมิภาคอาเซียน ตอกย้ำความสัมพันธ์อันดีระหว่างสององค์กรนับตั้งแต่ ก.ล.ต. เมียนมาจัดตั้งขึ้นในปี 2557 ซึ่ง MOU ครอบคลุมการให้ความร่วมมือด้านการพัฒนาตลาดทุนเมียนมา ผ่านการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ และการพัฒนาบุคลากรในตลาดทุนของเมียนมา รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการตรวจสอบและกำกับดูแลตลาดทุน
“MOU ระหว่างไทยและเมียนมา ถือเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมืออย่างเป็นทางการของทั้งสององค์กร โดยเมียนมาเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) สูงอย่างต่อเนื่องในระดับ 8% ต่อปี และมีกิจการที่มีโอกาสใช้ประโยชน์จากตลาดทุนได้จำนวนมาก การมีตลาดทุนที่แข็งแกร่งจะส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของเมียนมาให้ก้าวกระโดดได้ ซึ่ง ก.ล.ต. รวมทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และภาคเอกชนในตลาดทุนไทย พร้อมที่จะให้ความร่วมมือด้านการพัฒนาตลาดทุนเมียนมา เพื่อการพัฒนามาตรฐานให้เทียบเท่าสากล และปูทางไปสู่โอกาสในการระดมทุนและลงทุนข้ามพรมแดนเพื่อประโยชน์ร่วมกันในอนาคต" นายรพี กล่าว
นายหม่อง หม่อง วิน ประธาน ก.ล.ต. เมียนมา กล่าวว่า การลงนามครั้งนี้จะทำให้มีความร่วมมือที่ชัดเจนในด้านการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพตลาดทุน โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรระหว่างกัน โดยตลาดทุนเมียนมาจะได้เรียนรู้และปรับใช้แนวทางที่ ก.ล.ต. กำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีประสบการณ์การให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์มาแล้วกว่า 40 ปี
นอกจากคณะผู้บริหารระดับสูงของ ก.ล.ต. ไทย การเดินทางไปเมียนมาในครั้งนี้ ยังประกอบด้วยกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย ซึ่งคณะผู้แทนตลาดทุนไทยได้บรรยายความรู้ด้านการพัฒนาตลาดทุนไทยและพบปะกับผู้บริหารทั้งจากภาครัฐและเอกชนของเมียนมา เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีและโอกาสในความร่วมมือในอนาคต โดยมีผู้เข้าร่วมจำนวนกว่า 60 คนอีกด้วย