นายศุภศิษฏ์ โภคินจารุรัศมิ์ กรรมการและกรรมการบริหาร บมจ.วินเทจ วิศวกรรม (VTE) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบสถานะทรัพย์สิน (Due Diligence) และวางมัดจำโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ที่ประเทศญี่ปุ่นอีกประมาณ 3-4 โครงการ กำลังการผลิตมากกว่า 10 เมกะวัตต์
ส่วนความคืบหน้าการขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อิงะ (Iga) ขนาดกำลังการผลิต 980.98 กิโลวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คาโงะชิมา (Kagoshima) ขนาดกำลังการผลิต 1.172 เมกะวัตต์ ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคณะกรรมการได้อนุมัติการขายโรงไฟฟ้าทั้งสองไปแล้วเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2560 ที่ผ่านมานั้น
ในส่วนของโรงไฟฟ้าอิงะ บริษัทได้แบ่งการขายชำระออกเป็น 3 ส่วนให้แก่ Investor จากไต้หวันซึ่งเป็นผู้ที่สนใจและติดต่อเข้าขอซื้อโครงการ คือส่วนที่ 1 ชำระเงินมัดจำจำนวน 42,046,877 เยน ซึ่งได้ชำระให้บริษัทในวันที่เข้าทำข้อตกลงซื้อขายเบื้องต้น ในวันที่ 17 มกราคม 2560 ส่วนที่ 2 สำหรับการชำระงวดที่ 1 จำนวน 71,473,375.25 เยน และส่วนที่ 3 สำหรับการชำระงวดที่ 2 จำนวน 304,457,075.75 เยน รวมมูลค่าการชำระเงินทั้งสิ้นจำนวน 417,977,328 เยน ซึ่งบริษัทได้รับการชำระงวดสุดท้าย ที่ ประมาณ 304,295,076 เยน ครบเต็มจำนวนแล้ว เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คาโงะชิมา อยู่ในระหว่างขั้นตอนรอรับชำระเงินจากผู้ลงทุนโดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็ว ๆ นี้
นอกจากนี้โครงการโรงไฟฟ้าที่บริษัทได้ร่วมทุนกับ บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) และบมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) เข้าถือหุ้นบริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) จำกัด (GEP) จัดสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เมืองมินบู รัฐมาเกวย ประเทศเมียนมา ก็มีความคืบหน้าขึ้นมาก โดยการก่อสร้างในเฟสแรกได้รับการจัดเตรียมความพร้อมเป็นอย่างดีและสามารถดำเนินการก่อสร้างได้อย่างราบรื่น ยังไม่พบปัญหาใด ๆ ซึ่งคาดว่าการก่อสร้างเฟสแรกจะดำเนินการแล้วเสร็จและเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในช่วงกลางปี 2561
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตมาอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมียอดรอรับรู้รายได้หลักจากงานก่อสร้างระบบ งานก่อสร้างทั่วไป และรายได้จากโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ